วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๑๐ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ ฝนฟ้าก็ตก อาการเจ็บไข้ได้ป่วยก็ยังมีอยู่เป็นปกติ เมื่อครู่นี้กระผม/อาตมภาพก็เพิ่งไปเป็นเจ้าภาพงานศพที่วัดปรังกาสีกลับมา พอบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนเสร็จ ก็ต้องไปเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรม ถวายหลวงพ่อพระครูกาญจนปัญญาวุฒิ (พูลศักดิ์ ปญฺญาวุโธ) อดีตเจ้าอาวาสวัดเขื่อนวชิราลงกรณ อดีตรองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิอีก
เรื่องของกำลังใจคน ถ้าหากว่าต่างกันไม่สามารถที่จะเอามาประเมินกันได้ ถ้าเป็นพวกเราเจ็บไข้ได้ป่วย ก็คง "ล้มหมอนนอนเสื่อ" ไป ๓ วัน ๗ วัน แต่กระผม/อาตมภาพเอง เจ็บป่วยแค่ไหนก็ยังทำงานตามปกติ ก็ถือว่าทำทุกอย่างเป็นวันสุดท้ายของชีวิต
พวกเราที่มักจะประมาท เห็นว่าครูบาอาจารย์ยังแข็งแรง กูไม่ต้องรีบทำอะไรก็ได้ อย่างไรท่านก็อยู่ให้กูเกาะไปอีกนาน ถ้าคิดลักษณะแบบนี้ กระผม/อาตมภาพเจอมามากต่อมาแล้ว จนกระทั่งครูบาอาจารย์มรณภาพไปหลายรูป พวกนี้ก็ยังเอาดีอะไรไม่ได้ เพราะหวังแต่จะอาศัยเกาะอย่างเดียว ไม่ได้คิดที่จะยืนหยัดด้วยตัวเองเลย..!
สมัยที่กระผม/อาตมภาพอยู่ที่วัดท่าซุง ไม่เคยคิดว่าหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านจะอยู่ได้เกินวันนี้ ถ้าเห็นว่าดินฟ้าอากาศผิดปกติ ก็จะลุกมาเจริญกรรมฐาน เพื่อดูว่าท่านไปแล้วหรือยัง ? ดังนั้น..ทุกวินาทีจึงมีค่ามาก เราต้องช่วงชิงกับเวลา กอบโกยเอาสิ่งที่ท่านสอนเราไว้กับตัว ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ถ้ามีอะไรสงสัยจะได้ถามท่านได้ ไม่ใช่รอจนท่านมรณภาพแล้วไม่รู้ว่าจะไปถามใคร ?
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น หลายท่านอาจจะเห็นว่ากระผม/อาตมภาพบวชอยู่กับท่านแค่ ๗ พรรษาเท่านั้น เวลาส่วนใหญ่อีก ๑๐ กว่าปีนั้นเป็นฆราวาสอยู่ แล้วในวัดก็มีรุ่นพี่ที่อยู่กับท่านมา ๑๐ กว่าพรรษา ๒๐ พรรษา แต่ก็เอาดีอะไรได้ยาก หลายท่านพอมรณภาพไป หลวงพ่อท่านก็บอกว่า "รายนี้ลงอเวจีมหานรก..!" เป็นตัวอย่างให้เห็นชัด ๆ ว่า สถานที่จะดีแค่ไหนก็ตาม ครูบาอาจารย์จะดีแค่ไหนก็ตาม ถ้าเราไม่ตั้งใจเอาดีด้วยตนเอง ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่ว่าเราจะได้ดีแบบคนอื่นเขา
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-05-2025 เมื่อ 02:34
|