ส่วนอีกเรื่องหนึ่งเกิดขึ้นเมื่อตอนเพลนี้เอง มีพระใหม่ท่านมาถามว่า "หลวงพ่อครับ มันเป็นผลแท้หรือผลเทียมครับ ?" โคตรพ่อโคตรแม่มันถามแบบมันรู้คนเดียว ไม่มีหัวไม่มีท้าย อยู่ ๆ ก็โผล่กลางปล้องขึ้นมา..!
ด้วยความที่ป่วยจนไม่มีแรงจะเตะมัน ก็เลยบอกว่า "มึงไปถามคนอื่นไกล ๆ โน่นเลย" อย่างที่กระผม/อาตมภาพเคยบอกไว้แล้วว่า บุคคลบางคนเรียนมาความรู้สูงมาก แต่พูดแล้วคนอื่นฟังไม่รู้เรื่อง เพราะว่าไม่ได้คิดถึงคนอื่นที่เขายังไม่รู้เรื่อง ประมาณว่าเรื่องนี้กูรู้แล้ว คนอื่นต้องรู้ด้วย..! จึงกลายเป็นพูดภาษามนุษย์ไม่รู้เรื่อง หวังว่าคงจะไม่มีแบบนี้อีก ไม่ว่าจะสอนใคร หรือว่าทำอะไร เราต้องนึกอยู่เสมอว่า "คนอื่นเขายังไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน"
ถ้าท่านทั้งหลายไปอ่านหนังสือเกี่ยวกับบันทึกการเดินทาง ซึ่งกระผม/อาตมภาพเขียนเอาไว้ก่อนหน้านี้ ยังไม่ใช่ช่วงที่มาเล่าด้วยปาก คนอ่านเขาจะบอกว่า "อ่านแล้วเหมือนอย่างกับตามหลวงพ่อไปได้ทุกฝีก้าวเลย" คือสามารถที่จะรู้ได้หมดว่า สถานที่นั้นเป็นอย่างไร ? เหตุการณ์เป็นอย่างไร ?
ก็เพราะว่ากระผม/อาตมภาพจะคำนึงอยู่เสมอว่า เรื่องที่เล่าไปนั้นคนอื่นยังไม่รู้ ? เรารู้อย่างไรก็ต้องว่าไปตามนั้น เพื่อให้คนอื่นเขารู้ตามด้วย ไม่ใช่อยู่ ๆ ก็ "ทะลุกลางปล้อง" แบบสำนวนโบราณ ไม่มีที่มาไม่มีที่ไป โผล่หัวขึ้นมาเฉย ๆ ไอ้ประเภทนี้ถ้าเป็นสมัยก่อนก็โผล่มาแล้วหัวขาด..! ขอให้ไปแก้ไขเสียใหม่ แล้วพูดภาษาที่มนุษย์เขารู้เรื่องด้วย
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๙ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 01:20
|