เราจึงต้องตระหนักทั้งใน "สมณสารูป" และ "สมณสัญญา" ของเราอยู่เสมอ เป็นพระบวชใหม่จำเป็นต้องระมัดระวัง รักษาตนให้อยู่ในกรอบของศีลและการปฏิบัติธรรมเอาไว้ ยังไม่จำเป็นจะต้องไปคบค้าสมาคมกับใครก็ได้ ถ้าท่านทั้งหลายสามารถอยู่ได้ไปนาน ๆ รู้จักคนแค่ปีละคนสองคน สมมติว่า ๑๐ ปีผ่านไป ไอ้ ๑๐ คน ๒๐ คนนั้นผลัดกันมา ท่านก็ไม่ต้องกินไม่ต้องนอนแล้ว..!
อีกส่วนหนึ่งก็คือว่า ในช่วงนี้เป็นช่วงที่สถานการณ์โลกและประเทศชาติไม่ดีเอามาก ๆ ถ้าใครคิดจะสึกหาลาเพศไปเพื่อหางานหาการอะไรทำ ก็อยู่ต่อไปก่อนเถอะ..! ถ้าใครสึกไปช่วงนี้แล้วหางานทำได้ นั่นต้องเป็นสุดยอดฝีมือที่เขาต้องการจริง ๆ ประเภททั่ว ๆ ไปก็ไป "เตะฝุ่น" "วิจัยฝุ่น" เสียเปล่า..! อยู่สร้างกุศลให้กับตนเอง พอสถานการณ์ดีขึ้นแล้วค่อยสึกหาลาเพศไป อาศัยบุญอาศัยกุศลที่เราสร้างในตอนเป็นพระ ซึ่งเท่ากับว่าเราสะสมคุณงามความดีไปเรื่อย
เรื่องของบุญกุศลก็เหมือนกับคนมีเงิน ถึงเวลาใครมีบุญมาก ทำอะไรก็สะดวกคล่องตัวไปหมด เหมือนกับคนมีเงินมาก ทำอะไรก็สะดวกคล่องตัวไปหมด แต่เรื่องพวกนี้ก็ว่ากันไม่ได้ โบราณเขาบอกแล้วว่า "ฝนจะตก แดดจะออก พระจะสึก ขี้จะแตก" ไม่มีใครห้ามได้ พวกท่านจะเห็นว่า กระผม/อาตมภาพไม่เคยห้ามพระที่สึกเลยแม้แต่รายเดียว คือถ้าใจเขาไม่คิดที่จะอยู่แล้ว ห้ามไปก็เท่านั้นเอง..!
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๗ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-05-2025 เมื่อ 00:07
|