เนื่องเพราะว่าการเอาใจญาติโยมนั้นเราอาจจะศีลขาดโดยไม่รู้ตัว พระพุทธเจ้ากำหนดเอาไว้ว่า "ห้ามมิให้ภิกษุประทุษร้ายตระกูลด้วยการประจบคฤหัสถ์"
ถ้าพวกท่านสังเกตจะเห็นว่า ในปัจจุบันนี้พวกเราน่าจะถึง ๗๐ - ๘๐ เปอร์เซ็นต์เลยที่ประจบคฤหัสถ์ โดยเฉพาะบางนิกายถึงขนาดใช้วิธีผูกใจ โทรไปหากันได้ทุกวัน หรือว่าทุกอาทิตย์ ทั้ง ๆ ที่ไม่มีเรื่องไม่มีราวอะไร แต่ว่าเพื่อไม่ให้เขาลืมตัวเอง..!
ถึงเวลาทางครอบครัวเขามีงานบวช งานแต่ง งานศพ ก็จะรีบไปร่วมบุญด้วยทั้งหมด เจตนาก็คือเพื่อที่จะดึงเขาเอาไว้กับวัดตัวเอง ถ้าลักษณะอย่างนี้ เป็นกระผม/อาตมภาพ ถือว่าตั้งใจประจบคฤหัสถ์ไปแล้ว..! เราบวชเข้ามา สิ่งที่จะทำให้เราเป็นพระหรือไม่เป็นพระ อยู่ที่ศีล ถ้าไม่สามารถรักษาศีลได้ ความเป็นพระของเราก็บกพร่องไป รักษาได้น้อย ความเป็นพระก็เหลือน้อย รักษาได้มาก ความเป็นพระก็มีมาก
กระผม/อาตมภาพถึงได้ให้โอวาทในงานอบรมพระนวกะอยู่เสมอว่า "ทุกวันนี้ไม่ได้มีความปรารถนาอะไรมาก นอกจากบวชพระภิกษุเข้ามาแล้ว ขอให้ชาวบ้านไหว้ได้เต็มมือก็พอ" จึงเป็นเรื่องที่ท่านทั้งหลายต้องตระหนักถึง "สมณสารูป" ว่าเราเป็นพระ ต้องวางตัวอย่างไร ก็แค่เป็นไปตามกรอบของศีลและเสขิยวัตรเท่านั้น
อีกส่วนหนึ่งก็คือ "สมณสัญญา" เราต้องนึกอยู่เสมอว่า "บัดนี้เรามีเพศต่างจากคฤหัสถ์แล้ว อาการกริยาใด ๆ ที่เป็นของสมณะ เราต้องทำอาการกริยานั้น ๆ"
ทุกท่านจะเห็นว่าการเป็นพระเป็นเณรจริง ๆ แล้วงานไม่มาก แต่ด้วยความที่โดนกิเลสชักจูงบ้าง ศึกษามาไม่ครบบ้าง จนทำให้กลายเป็นทำผิดทำพลาด อันดับแรกเลยคือสร้างความเสียหายให้กับตนเอง ก็คือบวชเข้ามาแล้ว ยิ่งห่างมรรคห่างผลออกไปทุกที เพราะว่าการปฏิบัติในตอนเป็นพระของเรา ถ้าหากว่าทำดี อานิสงส์ก็มีเป็นแสนเท่า แต่ถ้าหากว่าทำชั่ว ก็โดนลบเป็นแสนเท่าเหมือนกัน กลายเป็นซ้ำเติมตัวเองให้ตกต่ำลงไปทุกวัน..!
อันดับต่อไปก็คือ เราทำอะไรอยู่ในสายตาชาวบ้านเขาเสมอ ชาวบ้านรอบวัดนี่แทบจะรู้ดีที่สุดว่า พระเณรแต่ละรูปมีความประพฤติปฏิบัติอย่างไร ถ้าหากว่าเราทำดีทำถูก ทำเป็นร้อยครั้ง เขาจะชมสักครั้งก็ยาก แต่ถ้าทำผิดเมื่อไรก็ โดน "ทัวร์ลง" ทันที..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-05-2025 เมื่อ 15:10
|