การที่พวกเราบวชเข้ามา ส่วนที่ต้องระมัดระวังมากที่สุดก็คือ รักษากำลังใจของตนเอง อย่าให้ความเศร้าหมองต่าง ๆ เข้ามากินใจของเราได้ โดยเฉพาะต้องมีความเป็นกลางต่อทุกคน
อย่างวันนี้บรรดาผู้สมัครเพื่อลงรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรี ทั้งของตำบลทองผาภูมิและตำบลท่าขนุน เข้ามากราบขอพร กระผม/อาตมภาพก็ให้ไปตามปกติ แต่ส่วนที่ให้เป็นข้อคิดเลยก็คือว่า "ทำอย่างไรที่หลังเลือกตั้งแล้ว พวกเราจะกลับมารักกันได้เหมือนเดิม ในฐานะคนในชุมชนเดียวกัน เพราะว่าตอนเลือกตั้งก็ฟาดฟันกันไปมาก"
ถ้าเรามองเจตนาดีว่าทุกคนตั้งใจจะเข้ามาช่วยเหลือสังคม ช่วยเหลือชุมชนของเรา ก็แปลว่าทุกคนหวังดีปรารถนาดีต่อประชาชน แล้วในเมื่อความปรารถนาเหมือนกัน ทำไมหลังเลือกตั้งแล้วถึง "ผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ" ? ทำไมถึงกลับไปรักกันเหมือนเดิมไม่ได้ ? เพื่อที่จะช่วยกันทำให้ชุมชนของเราเจริญขึ้น ด้วยความที่บุคคลระดับนั้นอายุมากแล้ว เป็นผู้มีอิทธิพล จึงไม่มีใครกล้าพูดกล้าตักเตือน ก็คงจะมีแต่กระผม/อาตมภาพ ที่ฟาดกันแบบไม่ไว้หน้ามาตั้งแต่ต้นจนบัดนี้..!
เนื่องเพราะว่าถ้าพระของเราไม่เป็นกลางนี่จะเสียหายมาก ทุกท่านจะเห็นว่าทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งระดับประเทศ คือ ผู้แทนราษฎร หน่วยงานของคณะสงฆ์ หรือว่าส่วนราชการที่กำกับดูแลคณะสงฆ์ จะมีคำสั่งลงมาทุกครั้งว่า "ไม่ให้พระภิกษุสามเณรยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมือง" แต่เรื่องพวกนี้ก็ทำได้เฉพาะบุคคลที่ละอายชั่วกลัวบาปเท่านั้น ในส่วนที่เหลือถ้ายังคิดถึงแต่พวกพ้องหรือว่าญาติโยมของตนเอง ก็อดที่จะช่วยเหลือกันไม่ได้
กระผม/อาตมภาพยังดีว่าจนป่านนี้ยังสามารถรักษาความปรารถนาดั้งเดิมของตน ก็คือเราเป็นพระ เป็นศูนย์กลางของชุมชน ไม่ควรที่จะไปเข้าข้างทีมใดทีมหนึ่ง หรือคณะใดคณะหนึ่ง ถ้าหลายท่านสังเกตจะเห็นว่า ไม่ว่าคนจะร่ำรวยหรือยากดีมีจน จะยิ่งใหญ่หรือต่ำต้อยขนาดไหน ถ้ามาถึง กระผม/อาตมภาพรับเขาเสมอกัน พวกท่านก็จะเห็นนายพลนายพัน หรือว่าคุณหญิงคุณนายก็ต้องมานั่งแปะกับพื้นเหมือนกัน จนกระทั่งหลายต่อหลายท่านไม่พอใจที่ไม่ให้เกียรติ ไม่ให้การต้อนรับที่ดีกว่านี้ แล้วก็ไม่มาอีกเลย ซึ่งกระผม/อาตมภาพก็ดีใจมากที่เป็นอย่างนั้น..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-05-2025 เมื่อ 00:01
|