ดูแบบคำตอบเดียว
  #40  
เก่า 04-05-2025, 22:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,633
ได้ให้อนุโมทนา: 158,514
ได้รับอนุโมทนา 4,488,317 ครั้ง ใน 36,242 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

การทำบุญในพระพุทธศาสนาของเรา การให้ทานถือว่าเป็นพื้นฐาน อานิสงส์ของทานก็คือเกิดชาติใหม่เป็นบุคคลที่สมบูรณ์ด้วยโภคทรัพย์ ข้าวของเครื่องใช้ ข้าวปลาอาหาร สมบูรณ์บริบูรณ์

แล้วเพิ่มขึ้นไปสิ่งที่ยากขึ้นคือการรักษาศีล อานิสงส์ของศีลเกิดใหม่กี่ชาติก็จะมีรูปสวย มีจิตใจที่ดีงาม เป็นสมบัติที่ทำให้เราได้เกิดเป็นคน จนหลายท่านกล่าวว่าศีล ๕ คือมนุสสธรรม คือธรรมที่ทำให้ได้เกิดเป็นมนุษย์ แล้วยังเป็นพื้นฐานให้เกิดเป็นพรหมเป็นเทวดา ยังเป็นเบื้องต้นของการส่งผลให้เราพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน

หลังจากนั้นก็เป็นการภาวนา ที่เราเข้าใจว่าต้องนั่งหลับตานั่นแหละ ความจริงภาวนาอิริยาบถไหนก็ได้ ใส่สติลงไปเฉพาะหน้าก็เป็นการภาวนาทั้งหมด จะขุดดิน ฟันหญ้า กวาดบ้าน ถูบ้าน ซักผ้า รีดผ้า อะไรก็ตาม ถ้าสมาธิจดจ่ออยู่ตรงหน้า สติอยู่ตรงหน้าถือว่าเป็นกรรมฐาน เรื่องพวกนี้จะช่วยให้เรามีกำลังใจที่เข้มแข็งเข้มข้น เป็นคนเด็ดขาด ตัดสินใจง่าย มีปัญญามาก มีปัญหาทางโลกก็แก้ไขให้ล่วงไปได้โดยง่าย มีปัญหาทางธรรมก็พินิจพิจารณาได้ถ่องแท้

คราวนี้พวกเราที่มาส่วนใหญ่ก็ใส่บาตรคือทาน อีกสักครู่เราจะมีสมาทานศีล ตอนที่ฟังพระเทศน์ฟังพระสวด ใส่ความตั้งใจฟังเข้าไปก็เป็นภาวนา เราก็จะได้อานิสงส์ครบทุกอย่าง เพียงแต่ว่าถ้าเป็นไปได้ให้พยายามทำเอาไว้ทุกวัน ถึงเวลาอานิสงส์ส่งผลเราก็จะได้รับต่อเนื่องตามกัน ไม่ใช่ทำบ้างทิ้งบ้าง ถึงเวลาก็ดีบ้างชั่วบ้าง แล้วก็จะมาบ่นว่า "ทำบุญมาตั้งเยอะ ไม่เห็นบุญจะช่วยเลย" ก็ช่วยไปจนหมดแล้ว เอ็งยังไม่ทันจะทำใหม่เลย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-05-2025 เมื่อ 04:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 12 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา