เมื่อได้อาหารมา พวกเราก็ตั้งหน้าตั้งตาฉันกันจนอิ่ม ปรากฏว่าอิ่มไปแล้วพักใหญ่ กว่าที่กับข้าวชนิดแรกของทางร้านอาหารจะมาถึง แล้วค่อยทยอยมากันทีละอย่างสองอย่าง ไปจนเกือบจะถึงลำดับสุดท้ายแล้ว ข้าวสวยเพิ่งจะมาถึง..! แล้วปิดท้ายด้วยไก่ผัดเปรี้ยวหวานและไข่เจียว
แต่พระทั้ง ๔ รูปฉันจนกระทั่งท้องกางไปแล้ว ก็เลยชิมอย่างโน้นคำอย่างนี้คำ แล้วมอบส่วนที่เหลือให้กับญาติโยมทั้งหลายไป ไม่น่าเชื่อว่าตั้งแต่ต้นจนกระทั่งอาหารจานสุดท้ายออกมา ใช้เวลาถึง ๑ ชั่วโมง ๒๐ นาที..! คุณเอบอกว่าทำอะไรกับคนอินเดียจะใจร้อนไม่ได้ เพราะว่าเขามีนิสัยทำงานให้ได้วัน ไม่ใช่ทำงานให้ได้งาน ดังนั้น..ยิ่งทำช้าเท่าไรก็เหนื่อยน้อยเท่านั้น..!
ในเมื่อยกอาหารให้คนอื่น และตัวเราไม่ได้ฉัน กระผม/อาตมภาพจึงเดินออกไปยังตลาดภายนอก เพื่อที่จะดูบ้านดูเมืองของเขา แล้วก็อาศัยนั่งพักอยู่ใต้อนุสาวรีย์มหาตมะ คานธี จนกระทั่งทุกคนพร้อมแล้วจึงมาขึ้นรถ ช่วงเช้านี้คำนวณระยะทางว่า พวกเราวิ่งมาได้ประมาณ ๘๐ กิโลเมตร ใช้เวลาไป ๔ ชั่วโมง เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ ๑ ชั่วโมงต่อ ๒๐ กิโลเมตรเท่านั้น..!
จากตรงนี้ไปยังเมืองศิมลา ถ้าหากว่ายังอยู่ในอัตรานี้ก็มีหวังได้ถึงกันดึกดื่นเที่ยงคืนแน่นอน..! ถนนหนทางเริ่มคดเคี้ยวไต่ขึ้นเขาไปเรื่อย ๆ บางแห่งก็มีเทวาลัย หรือว่าวัดในความหมายของเขาตั้งอยู่ ซึ่งเด็กรถของเราก็ชี้ให้พวกเรายกมือไหว้ไปเสียทุกแห่ง..!
เมื่อไปจนกระทั่ง "ไร้แรงบิน" กันดีแล้ว พวกเราก็มาจอดเข้าห้องน้ำกันอีกรอบหนึ่ง ตอนเวลาประมาณ ๑๖.๓๕ น. ปรากฏว่าการเข้าห้องน้ำนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่เสียแล้ว เรื่องใหญ่ก็คือทุกคนวิ่งไปซื้อหาน้ำอัดลมบ้าง กาแฟบ้าง มาใส่ท้องตัวเองเป็นการใหญ่ คาดว่าข้าวปลาอาหารเมื่อกลางวัน น่าจะโดนรถเขย่าจนกระทั่งละลายหายไปหมดแล้ว..!
จากนั้นพวกเราก็ขึ้นเขาสูงไปเรื่อย ๆ ถนนหนทางคับแคบ มีรถบรรทุกเป็นจำนวนมาก กว่าที่จะขยับ กว่าที่จะแซงได้ ก็ช้าเหลือเกิน แล้วถึงเวลารถใหญ่สวนมาก็ต้อง "ดูใจ" กันก่อน ก็คือใครจะเป็นคนจอด ใครจะเป็นคนขยับรถของตนเอง แต่ว่าคนอินเดียนั้นนิสัยน่ารักมาก แม้ว่าถนนหนทางจะคับแคบ และรถราหมาวัวเกะกะไปหมด แต่ทุกคนก็ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน คุณขยับบ้าง ผมขยับบ้าง ท้ายที่สุดรถก็ผ่านไปจนได้
พวกเราเดินทางขึ้นเขาสูงไปเรื่อย ๆ ขณะที่ตะวันก็ลับทิวเขาลงไป อากาศเยือกเย็นลงมา จนรู้สึกว่าเครื่องปรับอากาศในรถจะเย็นน้อยกว่าข้างนอกเสียอีก..! จนกระทั่งมืดมัวสลัวตาก็เริ่มเข้าเขตเมืองศิมลา ซึ่งเป็นเมืองที่ยาว ๆ ไปตามชายเขา ทำให้เป็นเมืองที่ยาวหลายสิบกิโลเมตร แต่ว่าบรรดารถนั้น ยิ่งเข้าตัวเมืองก็ยิ่งมาก จนกระทั่งเกะกะไปหมด ไม่รู้เหมือนกันว่าใครจะขึ้นหน้า ใครจะถอยหลัง พวกเราค่อย ๆ ฝ่าฟันกันไป แม้ว่าหลายคนจะหมดกำลังใจ นั่งหลับตาอย่างเดียวไปตั้งนานแล้ว
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-05-2025 เมื่อ 04:31
|