วันนี้ญาติโยมทั้งหลายจะได้ฟังพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ในการสวดบังสุกุลอัฐิเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ญาติพี่น้องของท่านทั้งหลายที่ล่วงลับไปแล้ว เราเองพอจะรู้บ้างว่าสิ่งนี้มีคุณงามความดีอย่างไร ก็ขอให้น้อมจิตน้อมใจฟังด้วยความเคารพเลื่อมใส
ขอพุทธานุภาพ ธัมมานุภาพ สังฆานุภาพ ซึ่งเรายึดถือเป็นที่พึ่งที่ระลึก ดลบันดาลให้เคราะห์กรรมทั้งหลาย ที่พึงจะมีพึงเกิดแก่เรา จงหลุดพ้นไป ซึ่งความจริงเคราะห์กรรมทั้งหลายก็คือความชั่วเดิม ๆ ที่เราทำไว้ทั้งชาติก่อนและชาตินี้ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ทำความชั่วย่อมได้รับผลชั่ว ทำความดีย่อมได้รับผลดี ไม่สามารถที่จะหักล้างกันให้หมดไปได้
แต่ผู้รู้ท่านเปรียบเอาไว้ว่า ถ้าความชั่วเป็นเหมือนกับเกลือ ความดีเป็นเหมือนกับน้ำจืด ถึงเวลาถ้าเราสร้างความดี ก็คือเติมน้ำจืดลงในภาชนะที่มีเกลืออยู่ ยิ่งเติมลงไปมากเท่าไร รสเกลือก็จืดจางลงไปมากเท่านั้น ความชั่วไม่ได้หายไปไหน รสเกลือไม่ได้หายไปไหน แต่ความดีมากมายจนกระทั่งความชั่วแสดงผลไม่ได้ หรือว่ากรรมนั้นแสดงผลไม่ได้ ตลอดจนกระทั่งความเค็มนั้นแสดงผลไม่ได้
การที่เราท่านทั้งหลายกำหนดจิตกำหนดใจด้วยความเลื่อมใสในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ก็คือการที่เราท่านทั้งหลายได้ตั้งใจปฏิบัติในพุทธานุสติ..ระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในธัมมานุสติ..ระลึกถึงพระธรรม ในสังฆานุสติ..ระลึกถึงพระสงฆ์
แล้วเรายังมีการสมาทานศีลเป็นสีลานุสติ ตั้งจิตตั้งใจฟังพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์เป็นการสร้างสมาธิให้เกิด เพราะเห็นทุกข์เห็นโทษว่า การเวียนว่ายตายเกิดของเรานั้นมีแต่ความทุกข์มาทุกชาติทุกภพ ถ้าเป็นไปได้ก็ขอให้จบการเวียนว่ายตายเกิดลงในชาตินี้ แปลว่าเราปฏิบัติกรรมฐานใหญ่หลายกองซึ่งมีอานิสงส์มาก
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
|