ในเรื่องของพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์นั้นมีตัวอย่างก็คือ พระลูกศิษย์พระสารีบุตร แต่เดิมเป็นลูกชาวประมง ลูกศิษย์ทั้ง ๕๐๐ รูปนี้ พระสารีบุตรรับเป็นพระอุปัชฌาย์บวชให้ แล้วไปเรียนถามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งแสดงพระอภิธรรมถวายพุทธมารดาอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เทวโลก ว่าควรที่จะสงเคราะห์ด้วยพระธรรมบทใด ?
องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าพิจารณาแล้ว ย้อนไปในอดีตชาติเห็นว่าลูกศิษย์พระสารีบุตรในครอบครัวชาวประมงทั้ง ๕๐๐ รูปนี้ ในอดีตเคยเกิดเป็นค้างคาวฝูงเดียวกัน อาศัยอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง ปรากฏว่ามีพระไปอาศัยถ้ำแห่งนั้นเป็นที่พักด้วย แล้วพระท่านก็ซ้อมสวดสาธยายพระอภิธรรม ๗ บทเพื่อความจดจำไม่หลงลืม ค้างคาวทั้งหลายฟังด้วยความเพลิดเพลิน ลืมไปว่าตัวเองเกาะห้อยหัวอยู่ ก็เลยปล่อยเท้าหลุดจากที่เกาะตกลงมาตายหมด
ด้วยอานุภาพของการตั้งใจฟังธรรมทั้งที่ฟังแล้วไม่รู้เรื่อง รู้อยู่อย่างเดียวว่าสวดได้ไพเราะน่าฟัง ยังดลบันดาลให้ทั้งหมดขึ้นไปเกิดเป็นเทวดาอยู่บนสวรรค์ เสวยความสุขอยู่จนหมดอายุของความเป็นเทวดา แล้วก็ลงมาเกิดเป็นบุตรชาวประมง เมื่อได้บวชกับพระสารีบุตร องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงแนะนำว่า "สารีปุตตะ ดูก่อน..สารีบุตร เธอจงนำอภิธรรมทั้ง ๗ บทนี้ไปสาธยายให้ลูกศิษย์ของเธอฟัง"
พระสารีบุตรจึงนำพระอภิธรรม ๗ บทที่พวกเราคุ้นเคยกันดีเพราะพระจะสวดว่า กุสะลา ธัมมา อะกุสะลา ธัมมา อัพยากะตา ธัมมา เป็นต้น เพียงแต่ว่าเป็นแม่บทของธรรมทั้งหลาย ก็คือกินใจความสำคัญเอาไว้มาก ถ้าไม่ใช่บุคคลที่มีกรรมเนื่องกันมาแต่อดีต หรือว่าเป็นผู้ที่มีความฉลาดระดับอุคฆฏิตัญญู ที่ฟังแค่หัวข้อธรรมก็รู้ว่าหมายถึงอะไรแล้ว คนอื่นฟังก็จะไม่เข้าใจ
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
|