ไปถึงไหนแล้ว ? ไปถึงวัฒนธรรมอินเดียเข้ามาประเทศไทย จากอู่ทองพอเกิดโรคระบาดก็โยกย้ายไปตั้งกรุงศรีอยุธยา จากเมืองโบราณคูบัวพอเจริญรุ่งเรืองเต็มที่ สายที่ลงใต้ไปก็ตั้งเป็นเมืองพริบพลี ซึ่งอยู่ระหว่างราชบุรีกับเพชรบุรี อีกสายหนึ่งขึ้นเหนือไปไม่ไกล อยู่แถวลุ่มน้ำนครชัยศรี ที่เป็นแม่น้ำสารพัดชื่อ ก็คือเมืองทวารวดี
ทำไมถึงบอกว่าแม่น้ำนครชัยศรีสารพัดชื่อ ? ก็เพราะว่าเริ่มต้นที่สมุทรสาคร สมุทรสงคราม ชื่อแม่น้ำท่าจีน ทะลุมาถึงนครปฐมเขาเรียกแม่น้ำนครชัยศรี ข้ามไปอีกหน่อยเข้าสุพรรณบุรีเขาเรียกแม่น้ำสุพรรณ ทั้งที่เป็นแม่น้ำสายเดียวกันนั่นแหละ..!
สมัยอาตมภาพเด็ก ๆ ยังนั่งเรือล่องแม่น้ำสุพรรณกันอยู่เลย จะมาทางคลองงิ้วราย ที่เป็นคลองขุดใหม่ ทะลุไปคลองมหาสวัสดิ์ เข้าแม่น้ำเจ้าพระยา มองไม่เห็นภาพกันใช่ไหม ? อาตมภาพเล่าไปก็บ้าอยู่คนเดียว..! เกิดไม่ทันกันนี่นะ เกิดไว ๆ หน่อยจะได้คุยกันรู้เรื่อง..!
คราวนี้เมื่อไปถึงอยุธยาก็เป็นสถาบันมหากษัตริย์แล้ว วัฒนธรรมทั้งหลายเหล่านี้พอรับเอาไปใช้งานก็กลายเป็นค่านิยม อะไรที่กษัตริย์หรือผู้นำทำ แปลว่าดี แปลว่าถูก ชาวบ้านก็ทำตาม บรรดาประเพณีต่าง ๆ วัฒนธรรมต่าง ๆ ของทางด้านอินเดียก็เข้าไทยมาด้วยวิธีนี้
ส่วนอีกสายหนึ่งเขาลงเรือเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าไม่รู้จักทางหรือว่าไปตามลมมรสุม หลุดไปท่าเรือตะโกลา เมืองตามพรลิงค์ แต่ว่าคนไทยเรียกเมืองนี้ว่าศรีธรรมมาโศกราช ปัจจุบันนี้เรียกว่านครศรีธรรมราช
คราวนี้เส้นนั้นส่วนใหญ่มาจากทางเกาะลังกา ซึ่งตอนนั้นพระพุทธศาสนาในลังกาเจริญรุ่งเรืองมาก เพราะว่าพระมหินทเถระเป็นเจ้าชาย นางสังฆมิตตาเถรีเป็นเจ้าหญิง เป็นพระอรหันต์ทั้งคู่ เป็นโอรสธิดาของพระเจ้าอโศกมหาราช นำเอาพระพุทธศาสนาไปเผยแผ่ที่เกาะลังกา อะไรที่พระเจ้าแผ่นดินหรือว่าพระราชินีเป็นผู้นำ คนมักจะเห่อตามเยอะมาก..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-04-2025 เมื่อ 01:54
|