ส่วนการเดินทางทางน้ำทางเรือนั้น ได้ยินแต่ผู้ใหญ่เขาเล่าให้ฟัง ก็คือการนั่งเรือจากสุพรรณบุรี ตั้งแต่ประตูน้ำโพธิ์พระยา ลงมานครชัยศรี แล้วก็ออกไปสมุทรสาคร
สิ่งที่ตนเองเห็นนั้นก็ตอนที่ไปบ้านป้า ซึ่งบ้านตั้งอยู่ริมแม่น้ำสวนแตง แม่น้ำสวนแตงสมัยก่อนใหญ่โตมโหฬารมาก เพราะว่ามีการขุดลอกกันทุกปี เนื่องเพราะว่าต้องให้เรือบรรทุกข้าววิ่งผ่านได้ ถ้าอยากรู้ว่าเรือบรรทุกข้าวลำใหญ่ขนาดไหน ให้ไปดูที่วัดพุทธพรหมยาน เรือ ๒ ลำที่เขาเอามาทำเป็นห้องพักของรีสอร์ทนั่นแหละ..! นั่นคือเรือบรรทุกข้าว มาตอนหลังมีเรือบรรทุกทราย ซึ่งอยู่ในลักษณะท้องแบนเพิ่มเติมขึ้นมา ลากจูงด้วยเรือโยง หรือไม่ก็ใช้เรือโยงลากจูงแพไม้ไผ่เพื่อเอาไปจำหน่าย ซึ่งสมัยนั้นไม้ไผ่ที่เอามาจำหน่าย ส่วนใหญ่ก็ส่งเข้าโรงงานทำก้านธูป ทำตะเกียบ
แล้วเด็ก ๆ ก็ซนมาก ชอบเกาะเรือโยง บางคนดวงซวย ๆ ขึ้นมาจมน้ำตายไปเลยก็มี..! อย่างเช่นว่าเกาะเรือโยงแพไม้ไผ่ แล้วก็ดำน้ำแข่งกันว่าใครจะพ้นแพก่อน ปราฏว่าลงไปแล้วหลงทิศ แทนที่จะดำยาวเพื่อไปออกท้ายแพ ก็กลายเป็นวนอยู่ข้างใต้แพ จนขาดอากาศหายใจตายไปเลย ซึ่งเรื่องเล่นซนเหล่านี้เป็นเรื่องของเด็ก ๆ ทุกยุคทุกสมัย เด็ก ๆ มักจะเล่นเอาสนุกโดยไม่ได้คิดถึงอันตราย ก็ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างที่จะดูแลกันยาก..!
แต่ว่าสมัยก่อนพ่อแม่ครูบาอาจารย์ก็ค่อนข้างจะเข้มงวด ตอนที่กระผม/อาตมภาพเรียนอยู่ชั้น ป. ๕ ปั่นจักรยานกลับบ้าน ผ่านสระน้ำใหญ่ ๓ คนเพื่อนฝูงกันก็ลงไปเล่นน้ำ ปรากฏว่าคุณครูที่กลับบ้านผ่านมาเห็นเข้า เรียกไปตีด้วยแขนงไม้สน หรือกิ่งสนนั่นแหละ ๓ ทีแตก ๖ รอย..! เพราะว่าท่านเองเห็นว่า ถ้าเรามัวแต่เล่นอยู่อันตรายจะเกิดขึ้น ไม่รู้จะจมน้ำตายตอนไหน ? แต่เด็ก ๆ ไม่รับรู้ เอาแต่สนุกอย่างเดียว..!
ดังนั้น..พ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่ค่อนข้างจะเข้มงวด จึงทำให้เด็กไม่กล้าออกนอกลู่นอกทางมาก แล้วยิ่งได้ไปวัด มีหลวงปู่หลวงพ่อ ครูบาอาจารย์ช่วยแนะนำสั่งสอนให้ จึงทำให้เด็กสมัยเก่า ๆ นั้น ต้องบอกว่าเป็นเด็กดี อยู่ในกรอบเกิน ๙๐ เปอร์เซ็นต์ ไม่เหมือนสมัยนี้ที่อยู่นอกกรอบไปจะ ๙๐ เปอร์เซ็นต์แล้ว..!
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๒๗ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-04-2025 เมื่อ 01:51
|