โดยเฉพาะในช่วงที่เป็นทหารแล้วไปอยู่ชายแดน เพื่อน ๆ พอถึงเวลาก็ชวนกันไปเที่ยวซ่อง จะมีการขนกันไปทีหนึ่งเป็นรถยีเอ็มซี ๒๐ - ๓๐ นาย แต่พอไปต้องไปนอกเวลา เนื่องเพราะว่าถ้าไปตามเวลา เขาจะหากินไม่ได้ เวลาที่ไปก็มักจะหลังเที่ยง ก็คือหลังอาหารมื้อกลางวันแล้ว
พอไปถึงกลับเป็นเวลานอนพักผ่อนของบรรดา "คุณตัว" ทั้งหลาย ในเมื่อถึงเวลา บรรดา "แม่เล้า" หรือว่า "แมงดา" ตามคำเรียกของคนสมัยนั้น ไปตบประตูเรียกคุณเธอทั้งหลายออกมา แต่ละคนซึ่งไม่ได้อยู่ในเวลารับแขก ก็ไม่ได้แต่งเนื้อแต่งตัว แถมยังล้างหน้าล้างตาจนสะอาดก่อนนอน
ในเมื่อไม่มีเครื่องสำอางคอยปกปิด แถมยังผมเผ้าเป็นกระเซิง นุ่งกระโจมอกเดินออกมา กระผม/อาตมภาพเห็นแต่ละคนเป็นซากศพไปหมด..! อารมณ์คึกคักต่าง ๆ หดหายไปเกลี้ยง เพื่อนฝูงถามว่า "มึงจะไม่เลือกเลยหรือวะ ?" กระผม/อาตมภาพก็บอกว่า "เชิญพวกมึงตามสบาย กูจะนั่งรออยู่ที่นี่" ถึงเวลาก็เดินทางกลับหน่วยแบบเฉา ๆ โดยเฉพาะอารมณ์เหล่านั้นค้างอยู่ในใจไปหลายต่อหลายวัน ไม่ทราบเหมือนกันว่าเวทนาสงสารคุณเธอเหล่านั้น หรือว่าจะเวทนาสงสารตัวเอง..!
แต่ว่าอารมณ์ใจเหล่านั้นทำให้สามารถฝึกกรรมฐานได้ง่ายขึ้น ก็ถือว่าเธอทั้งหลายเหล่านั้นมีบุญคุณอยู่อย่างหนึ่ง ก็คือทำให้เห็นภาพคนเป็นซากศพติดตา ถึงเวลาเกิดต้องการที่จะไประบายอารมณ์กับใคร ก็รู้สึกนึกถึงภาพนั้นขึ้นมา ทำให้หมดอารมณ์ไปทุกที จนกระทั่งบัดนี้คงจะไม่มีโอกาสไป "ขึ้นครู" กับใครอีกแล้ว
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๒๖ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-04-2025 เมื่อ 04:28
|