ดูแบบคำตอบเดียว
  #7  
เก่า 24-04-2025, 00:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,429 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ตอนหลังถึงได้รู้ว่าสิ่งนั้นเรียกว่า "น้ำมันพืช" แต่ไม่เข้าใจว่าทำมาจากอะไร จะเป็นถั่วเหลืองหรือว่าเป็นข้าวโพด หรือเป็นปาล์มน้ำมัน หรือว่าเป็นมะพร้าวก็ไม่แน่ใจ เนื่องเพราะว่าทางบ้านยังคงถนัดที่จะใช้น้ำมันหมูเหมือนเดิม

เมื่อซื้อมันหมูมาแล้วสักกิโลกรัม ๒ กิโลกรัม พี่สะใภ้ก็จะหั่นเป็นชิ้นบาง ๆ แล้วนำลงไปเจียว เพื่อที่จะให้ได้น้ำมันมา แล้วก็เทใส่ "หม้อเขียว" เก็บเอาไว้ ส่วนใหญ่เมื่ออากาศเย็นหน่อย ก็จะจับแข็งติดก้นหม้ออยู่เป็นก้อน ถึงเวลาจะใช้ก็ตั้งไฟเอากระทะขึ้น แล้วก็ตักเอาน้ำมันนั้นลงไปละลาย แล้วทำกับข้าวตามที่ต้องการ

ในช่วงแรกที่บ้านก็ใช้ "เตาแกลบ" ก็คือเป็นเตาที่ก่อมาจากอิฐ แล้วก็ใช้แกลบเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งจะต้องมีเหล็กคอยไปแยงเพื่อให้แกลบนั้นลุกไหม้สม่ำเสมอกัน มาภายหลังก็เป็น "เตาฟืน" ซึ่งถ้าหากว่าเราใช้ฟืนที่มีความชื้น ก็จะเกิดเขม่าดำจับภาชนะ ทำให้ก้นหม้อหรือว่ากาน้ำดำปิ๊ดปี๋..! สมัยนั้นเขาเรียกเขม่าที่ติดก้นหม้อว่า "มินหม้อ" บ้าง "ดินหม้อ" บ้าง บางคนก็เอาไปมอมหน้าเพื่อนที่เมาเหล้าจนดำปี๋แล้วก็หัวเราะกัน เป็นสิ่งที่ล้างออกได้ยากสุด ๆ..!

ดังนั้น..ถ้าไม่อยากให้หม้อหรือว่ากาน้ำดำ แม่บ้านก็มักจะหากะละมังที่ก้นทะลุแล้ว ตั้งใจที่จะไม่บัดกรี หากแต่ว่าเอาส่วนที่ทะลุออก แล้วก็ไปตั้งบนเตาไฟ เอากระทะหรือว่าหม้อ หรือว่ากาน้ำไปวาง ใช้ขี้เถ้าโรยรอบ ๆ กะละมังส่วนที่ติดกับก้นภาชนะ ความร้อนก็จะโดนเฉพาะก้นภาชนะ แล้วถึงเวลาเขม่าไฟก็จะไปติดอยู่ที่กะละมังนั้นแทน ทำให้ไม่ต้องขัดล้างภาชนะอื่น ๆ มากมายนัก

จากเตาฟืนก็พัฒนามาเป็น "เตาถ่าน" จนกระทั่งกระผม/อาตมภาพเข้ามาอยู่กรุงเทพฯ หลัง พ.ศ. ๒๕๒๐ แล้ว ก็ถึงได้รู้จัก "เตาแก๊ส" ขึ้นมา ทำให้กระผม/อาตมภาพสามารถที่จะหุงข้าวไม่ว่าจะเป็นเตาแกลบ เตาถ่าน เตาฟืน เตาแก๊ส จนกระทั่งหม้อไฟฟ้าได้ เพียงแต่ว่าไม่เคยใช้ไมโครเวฟ เนื่องจากว่าบวชไปนานแล้วถึงจะมีไมโครเวฟขึ้นมา ทำให้ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าใช้ไมโครเวฟหุงข้าวแล้วรสชาติจะเป็นอย่างไรบ้าง ?

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๒๓ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-04-2025 เมื่อ 01:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา