มีคนถามว่าพ่อปู่ขุนพันธ์ว่า "ทำไมไม่ไปทำซ้ำ ?" พ่อปู่ขุนพันธ์บอกว่า "เขาไม่มีใจให้กับเรา ถึงทำซ้ำก็ไม่สำเร็จ" เนื่องเพราะว่าถ้าบุคคลที่มีใจให้ พอโดนอำนาจของไสยศาสตร์ชักจูง ก็กลายเป็นหลงใหลไปเลย แต่ถ้าไม่มีใจให้ ก็มักจะได้สติขึ้นมา แล้วไม่ยอมไปด้วย เหล่านี้เป็นต้น
ในเรื่องของภาพยนตร์ สมัยนั้นเป็นภาพยนตร์ ๘ มิลลิเมตร ซึ่งถ้ามาฉายในสมัยหลังที่ใช้จอซีนีมาสโคป ใหญ่มหึมา ก็จะเป็นแค่ภาพเล็ก ๆ ตรงกลางจอเท่านั้น โดยมีการขายยา ก็คือมี ยาแก้ปวดฟัน ยาแก้ปวดหัว ยาแก้ปวดท้อง สารพัดยา แล้วแต่เขาจะโฆษณาว่าดีอย่างไร แล้วก็มีการลองเอามาอุดฟันคนดูหนังซึ่งเป็นรูผุอยู่ สามารถที่จะเอาหนอนออกมาให้พวกเราดูได้ มารู้ทีหลังว่าเขาซุกหนอนอยู่ภายในสำลีนั้นแล้ว แต่พวกเรามองไม่ทันว่าเขาทำไปตอนไหน
แต่ว่าการโฆษณาขายยานั้นน่ารำคาญมาก เพราะว่าพูดแล้วพูดอีก ตราบใดที่ไม่มีคนซื้อก็ไม่ฉายหนังต่อ ก็เลยมีการที่ช่วยกันออกเงิน เพื่อที่จะซื้อยา แล้วก็ไม่รู้ว่าจะเอาไปใช้อะไร เพราะซื้อไปแล้วก็ไม่แน่ใจว่ามีสรรพคุณตามนั้นหรือเปล่า ? ซื้อเพื่อที่เขาฉายหนังอย่างเดียวก็มีบ่อย ๆ
สมัยนั้นจะเป็นการใช้เครื่องอาร์คไฟฟ้า เพื่อให้แสงสว่างส่องไปยังม้วนฟิล์ม แล้วจะมีภาพไปปรากฏขึ้นบนจอ เป็นการพากย์โดยปากเปล่า บรรดานักพากย์ก็มักจะเป็นมนุษย์หลายเสียง พากย์ได้ทั้งเสียงผู้หญิงผู้ชาย ทั้งเด็ก ทั้งคนแก่ แล้วก็พากย์ได้ตลกโปกฮาเข้ากับสถานการณ์บ้านเมืองสมัยนั้นเป็นอย่างมาก ทำเอาหัวเราะกันท้องคัดท้องแข็ง แต่ว่าส่วนที่น่ารำคาญก็คือ พอถึงเวลาฟิล์มที่เขาต่อเอาไว้ขาด ทำให้ต้องมาเสียเวลาต่อฟิล์มกันอีก ในระหว่างที่ต่อฟิล์ม ก็เป็นการโฆษณาขายยากันต่อไป..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-04-2025 เมื่อ 03:21
|