ยิ่งถ้าหากว่ามีปลาปิ้ง ส่วนใหญ่ก็จะเป็นปลาช่อนตากแห้ง สมัยนั้นไม่ได้นิยมตากแดดเดียวแบบนี้ แต่ว่าตากแห้งอย่างชนิดที่แข็งเป็นหินไปเลย ถึงเวลาก็สับเอามาปิ้ง แล้วทุบพอที่จะให้กินได้สะดวก ถ้ากินกับน้ำตาลเมา ก็จะอยู่ในลักษณะที่ว่า "เข้ากันดีเหมือนผีกับโลง"..!
ในด้านอื่น ๆ นั้น ถ้าเป็นความบันเทิงก็จะเน้นในเรื่องของลิเก ในส่วนของลิเกที่โด่งดังที่สุดก็คณะหอมหวล มาภายหลังก็มีคณะศิษย์หอมหวล แล้วก็คณะลูกหอมหวล คณะหลานหอมหวล ขึ้นมาเยอะแยะไปหมด ไม่รู้ว่าใครจริง ใครไม่จริง แต่ถ้าเป็นของหอมหวลนั้นรับประกันได้ว่า เล่นที่ไหนก็ "วิกแตก" ที่นั่น..!
คำว่า "วิก" นั้นจริง ๆ ก็คือการที่เขาล้อมผ้าหรือว่าล้อมสังกระสี กั้นเขตเอาไว้ เพื่อเก็บเงินให้คนดูเข้าเพียงทางเดียว คำว่า "วิกแตก" ก็คือคนไปมากจนกระทั่งสถานที่รับไม่ได้ ท้ายที่สุดก็ต้องรื้อผ้าที่ล้อมเอาไว้ หรือว่ารื้อสังกะสีที่ล้อมเอาไว้ออก ให้คนอื่นได้ดูบ้าง ไม่เช่นนั้นก็มีหวังโดนพังวิกแน่นอน..!
กระผม/อาตมภาพมารู้ทีหลังว่าหอมหวลนั้นมีคาถานะปัดตลอด ถึงเวลาเสกแป้งเป่าไปทางไหน คนทางด้านนั้นจะต้องมาดูลิเกของแก สมัยนั้นเป็นยุคของไสยศาสตร์เฟื่องฟู ไม่ว่าจะเป็นการเสกกลอง เสกระนาด เสกธงต่าง ๆ เพื่อที่จะเรียกคน รู้สึกว่าจะทำได้ขลังมากเป็นพิเศษ..!
บางอย่างกระผม/อาตมภาพก็มารู้ทีหลังว่า อย่างเช่นว่าดินติดหน้าตะโพนนั้น ถ้าจะเอาขลังจริง ๆ ไม่ใช่แค่ข้าวสุกกับขี้เถ้า แต่เอาขี้เถ้าจากผีตายวันเสาร์ เผาวันอังคาร มาขยำกับข้าวสุก เพื่อติดหน้าตะโพนให้ตึงขึ้นมา เพราะว่าหน้าตะโพนนั้น พอถึงเวลาโดนความชื้นก็จะหย่อนลง เมื่อเอาข้าวสุกผสมขี้เถ้าไปติด พอข้าวสุกเริ่มแข็งตัว ก็จะดึงหนังตะโพนให้ตึงขึ้นมา ทำให้ตีแล้วมีเสียงไพเราะ เขาก็จะมีคาถาที่กำกับเอาไว้ พร้อมกับใช้อำนาจของผีมาช่วย ใครได้ยินก็จะต้องมาจ่ายเงินเพื่อดูหนังดูลิเกตามที่เขาต้องการ
แล้วบรรดาผู้ใหญ่ก็รออยู่ ว่าถ้าหากว่ามีกลองแตกเมื่อไร ก็จะไปขอหนังกลองแตก เอาไปให้หลวงพ่อหลวงปู่ลงด้านเมตตามหานิยมติดตัวเอาไว้ พร้อมกับมีคาถากำกับ ถ้าหากว่าไปหาผู้หญิงคนไหน ตั้งใจว่าจะรับเขาเป็นลูกเป็นเมียอย่างแท้จริง พกตะกรุดหนังกลองแตกไปพร้อมกับว่าคาถา รับประกันได้ว่าผู้หญิงจะต้องตามมา แต่ว่าผู้หญิงบางคนก็มีของดีเช่นกัน ได้ยินว่าแม้แต่พ่อปู่ขุนพันธ์ (พลตำรวจตรีขุนพันธรักษ์ราชเดช) พอทำเสน่ห์เสร็จแล้ว สาวเดินตามมาตั้งไกล แต่อาจจะเป็นเพราะว่ามีเครื่องรางของขลังคุ้มตัว หรือว่ามีเทวดารักษาตัวก็ไม่รู้ ? แกได้สติขึ้นมาก็วิ่งกลับบ้านไปตามเดิม..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-04-2025 เมื่อ 03:17
|