แต่ดีอยู่ตรงที่ว่า ทำให้ทุกคนเข้าวัดเข้าวา ทำบุญใส่บาตรกันเป็นปกติ เพราะว่าหลวงตาเทศน์อยู่เสมอว่า ถึงเวลาแล้วจะขอใครกินก็ไม่ได้ โลกหน้านั้น บุญเป็นของใครของมัน ใครทำอะไรไว้ก็ได้อย่างนั้น
ดังนั้น..ญาติโยมท่านไหนที่ชอบกินข้าวกินปลา จะมีกับมีแกงอะไรที่ตนเองชอบ ก็พยายามทำไปถวายพระ เผื่อว่าถึงเวลาตนเองตายไป ก็จะได้ไปกินของ ๆ ตนด้วย..!
ภายหลังเมื่อกระผม/อาตมภาพฝึกมโนมยิทธิได้แล้ว ไปดูแล้วก็ยังหัวเราะขำ ๆ อยู่ เพราะว่าบรรดาผู้ที่ยังต้องกินต้องใช้นั้น เป็นพวกที่ตายใหม่ ๆ ยังไม่ได้รับการตัดสินความบ้าง ตัดสินความแล้วไปสู่สุคติใหม่ ๆ บ้าง ท่านทั้งหลายเหล่านี้ยังติดความเป็นมนุษย์อยู่ ก็เลยมีสถานที่ ซึ่งกระผม/อาตมภาพอยากจะเรียกว่า "แดนกึ่งสวรรค์" เอาไว้ให้จับจ่ายใช้สอย เอาไว้ให้กินข้าวกินปลากัน
พอมีจิตสำนึกว่าตนเองเป็นเทวดานางฟ้า ไม่ต้องกินแล้ว ก็กลับไปอาศัยบุญ อิ่มทิพย์อยู่ตามเดิม แต่ว่าท่านที่ไม่รู้ก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตาทำบุญ เพื่อที่ตนเองจะได้ไปกินอยู่เหมือนเดิม แต่ก็เท่ากับเป็นการสร้างบุญสร้างกุศล เมื่อถึงเวลาตนเป็นเทวดานางฟ้าแล้ว ก็อาศัยบุญกุศลตรงนี้ทำให้อิ่มทิพย์นั่นเอง
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๑๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-04-2025 เมื่อ 08:09
|