ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 18-04-2025, 00:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,378
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,234 ครั้ง ใน 35,986 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑๗ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ บรรยากาศเดี๋ยวหนาวเดี๋ยวร้อน แถมฝนตกเกือบทุกวัน สรุปว่ากระผม/อาตมภาพไข้ขึ้นทุกวันเหมือนกัน วันนี้มาฟังเรื่อง "เล่าความหลัง" กันต่อ

ในช่วงตอนเด็กนั้น บางครั้งก็คิดจะนอกลู่นอกทางเหมือนกัน เพราะเห็นว่าผู้ใหญ่เขาทำอะไรแล้วเท่ดี อย่างเช่นว่าการสูบบุหรี่ ซึ่งสมัยนั้นเป็นบุหรี่ยี่ห้อพระจันทร์ หรือว่ารวงข้าว เป็นแบบไม่มีก้นกรอง ยี่ห้อที่ติดหูติดตาเลยก็ พระจันทร์ รวงข้าว เกล็ดทอง รสชาติดุเดือดขนาดไหนไม่รู้ ? รู้แต่ว่าอยากลอง ก็เลยขโมยของพ่อไปตัวหนึ่ง แอบไปสูบอยู่ใต้พุ่มมะนาว ยังไม่ทันจะได้ครึ่งตัวก็เมาน้ำลายยืดขนาดบ้วนไม่ขาดเลย..เข็ดไปตลอดชีวิต..!

เห็นผู้ใหญ่เขากินน้ำตาลเมา กินเหล้ากัน อยากจะลองดูบ้าง แต่ว่าเหล้าสมัยนั้นก็มีแต่ ๓๕ ดีกรี หรือว่า ๔๐ ดีกรี ซึ่งทางบ้านจะมีการไหว้เจ้าทุกวันพระของจีน ไม่ใช่วันพระไทย ก็จะมีการเทน้ำชาเอาไว้ ๓ ถ้วย เทเหล้าเอาไว้ ๓ ถ้วย แล้วก็จะมีอาเจ็กท่านหนึ่งซึ่งมาอาศัยใบบุญอยู่ที่บ้าน เหมาทุกครั้ง แล้วแกก็เมาหัวทิ่มได้ทุกวัน เป็นเพื่อนพี่ชายคนโตกินเหล้ากัน

กระผม/อาตภาพเองมีหน้าที่ไปแบกไปหามกลับมาบ้าน เอารถจักรยานขี่ไปประมาณครึ่งกิโลเมตรก็จะถึงตลาด สามารถที่จะนั่งท้ายรถได้ แต่ขี่มาได้ไม่ไกลก็จะร่วงโครมลงไปบนพื้น..! ต้องหยุดรถช่วยกันพยุง ช่วยกันยก กว่าจะขึ้นรถได้ ขี่ไปอีกหน่อยก็ร่วงโครมลงไปอีกแล้ว..! แล้วเป็นเรื่องอัศจรรย์มากว่า พี่ชายคนโตที่กินเหล้าแทนน้ำ ตายตอนอายุ ๙๐ กว่า..! ถ้าแกไม่กินเหล้าหนักขนาดนั้น คาดว่าน่าจะอยู่เป็น ๑๐๐ ปี..!

คราวนี้พอ
กระผม/อาตมภาพลองดมกลิ่นดูก็เมาแล้ว..กินไม่ได้ บรรดา "ผู้หวังดี" ต่างก็แนะนำว่า "เบียร์ดีกว่า เบากว่าเยอะเลย" เพราะว่าตอนนั้นนอกจากเหล้าขาวแล้วก็มีเหล้าสีอยู่สองยี่ห้อ ก็คือแม่โขงกับกวางทอง ซึ่งเขาจะมีคำโฆษณาว่า "แม่โขงยอดสุราไทย" กับ "กวางทองน้องแม่โขง" แต่ละขวดจะมีกระดาษแก้วห่ออีกชั้นหนึ่ง แสดงว่าการผลิตไม่ได้มากมายนัก ถึงทำได้ประณีตได้ขนาดนั้น

คราวนี้ชาวบ้านทั่ว ๆ ไปก็ได้แค่ ๔๐ ดีกรี เหล้าสีซื้อไม่ไหวเพราะว่าแพง เมื่อเขาชวนให้กินเบียร์ก็ลองดู ปรากฏว่าแค่ได้กลิ่นก็หันหน้าหนีแล้ว..! เนื่องเพราะว่าในการจับปูจับปลา เราต้องมีการถักแหถักอวน ถึงเวลาก็ต้องไปถากเปลือกไม้มาต้มเพื่อย้อมแหย้อมอวน ให้น้ำยางของไม้ช่วยให้ด้ายเหนียวขึ้น โดนน้ำแล้วไม่เปื่อยง่าย พอถึงเวลาทิ้งบรรดาเปลือกไม้ต้มคาปีบเอาไว้ ไม่กี่วันก็เน่าฟองฟอด..กลิ่นตลบไปหมด..! แล้วกลิ่นเบียร์ก็เน่าแบบนั้นแหละ..ไม่รู้กินกันเข้าไปได้อย่างไร ? สรุปก็คือ
ลองพยายามทำชั่วแล้ว แต่ไม่สำเร็จ เหมือนอย่างกับโดนบังคับอย่างไรก็ไม่รู้ ?!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-04-2025 เมื่อ 01:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา