ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 16-04-2025, 00:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,633
ได้ให้อนุโมทนา: 158,514
ได้รับอนุโมทนา 4,488,404 ครั้ง ใน 36,242 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๑๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ การสรงน้ำพระก็ผ่านพ้นไปแล้ว วันนี้เรามา "เล่าความหลัง" กันต่อ ดูว่าจะได้ฟังไปอีกกี่ปี..!?

สมัยก่อนการเรียนระดับชั้นประถมปีที่ ๑ ถึงชั้นประถมปีที่ ๔ นั้น ต้องบอกว่าเรียนดุเดือดกว่าสมัยนี้มาก เนื่องเพราะว่าบุคคลที่เรียนจบแล้วสามารถไปเป็นครูเขาได้ แรกเริ่มก็จะเรียนหนังสือ ๒ เล่ม ก็คือ ปฐม ก.กา กับ แบบเรียนเร็วใหม่

พอขึ้นชั้นประถมปีที่ ๒ ก็จะมีนิทาน ๑๐๐ บรรทัดเพิ่มเข้ามา ซึ่งเป็นการเขียนนิทานแต่ละตอนให้จบลงภายใน ๑๐๐ บรรทัด โดยเขียนเป็นกลอนแปดธรรมดา

อย่างเช่น เจ้านกน้อย น่ารัก ร้องทักว่า

ไปไหนมา หนูเล็ก เด็กชายหญิง

ทั้งรูปร่าง หน้าตา น่ารักจริง

ข้ายิ่งดู ก็ยิ่ง จำเริญตา
เป็นต้น

พอเรียนชั้นประถมปีที่ ๓ ในเรื่องของตัวสะกด และแม่อักษรต่าง ๆ จะต้องคล่องตัวทั้งหมด เป็นการเรียนในส่วนของมูลบทบรรพกิจ ซึ่งมีการตัดมาเป็นช่วง ๆ เด็กสมัยนี้ ถ้าไปเรียนน่าจะประสาทรับประทานตายกันหมด..! เพราะว่าเป็นหลักไวยากรณ์ไทยเลย

พอชั้นประถมปีที่ ๔ มีการเรียนวรรณคดีหลายเรื่องด้วยกัน ซึ่งเด็กรุ่นใหม่ไม่ได้เรียนแล้ว อย่างเช่นว่า สังข์ทองตอนตีคลี พระอภัยมณีตอนเกาะผีเสื้อ รามเกียรติ์ตอนหอกโมกขศักดิ์ แล้วก็ยังมีเรื่องอื่น ๆ อย่างเช่น ราชาธิราชตอนมะกะโท หรือว่า นายเถื่อนเป็นนายเมือง เหล่านี้เป็นต้น คาดว่าหลายท่านน่าจะเรียนทัน แต่จำไม่ได้กันหมดแล้ว..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-04-2025 เมื่อ 02:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา