สิ่งที่เล่ามาเพื่อยกเป็นแบบอย่างให้แก่พวกเราทั้งหลายว่า พ่อแม่เลี้ยงดูเรามาด้วยความเหนื่อยยาก
โดยเฉพาะโยมพ่อโยมแม่ของอาตมภาพเอง อาตมภาพมีเวลาอยู่กับท่านน้อยมาก ถ้าไม่ใช่ช่วงท้ายของชีวิต ได้ดูแลโยมพ่อ ๖ ปี จนเสียชีวิตตายคามือ ดูแลโยมแม่อีก ๓ ปี ก็แทบไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดโยมพ่อโยมแม่เลย เพราะว่าเมื่อตื่นขึ้นมาพ่อแม่ก็หายออกจากบ้านไปแล้ว ไปเรียนหนังสือหนังหา กลับบ้านมาทำหน้าที่การงานทุกอย่าง จนกระทั่งได้เวลานอนสลบไสล ไม่ทราบว่าพ่อแม่กลับมาตอนไหน ? เพราะว่าในครอบครัวมีลูกถึง ๑๓ คน พ่อแม่ต้องทำงานหนักมาก ในการเลี้ยงดูพวกเรามา แค่หาให้พอปากพอท้องของลูก ๑๓ คน ก็เป็นภาระที่สาหัสแล้ว..!
พ่อแม่ยังมีนโยบายว่า "ลูกทุกคนต้องรู้หนังสือ" โดยที่กล่าวว่า "พ่อแม่ไม่รู้หนังสือ ทำอะไรก็เสียเปรียบเขา" ในเมื่อต้องส่งลูกเรียนจึงเป็นเรื่องที่หนักขึ้นไปอีกหลายเท่า อย่างที่เมื่อคืนเล่าให้ฟังว่า อาตมภาพไปโรงเรียนมาทั้งปี ไม่เคยได้สตางค์ไปโรงเรียนเลย หากแต่ว่าพอถึงเวลาพระครูธรรมธรแสงชัย กนฺตสีโล พระน้องชายเข้าชั้นประถมปีที่ ๑ ด้วยความว่าเป็นที่รักของพ่อแม่มาก ท่านก็เลยให้สตางค์ไปโรงเรียน ๕๐ สตางค์ อาตมภาพก็ไม่รู้ว่าเงินใหญ่ขนาดก๋วยเตี๋ยวชามละสลึงเดียวเท่านั้น ก็เลยไปซื้อข้าวเหนียวทุเรียนตามที่น้องชายอยากกิน ๕๐ สตางค์ เขาให้มาเกือบกะละมังหนึ่ง..!
พ่อแม่ดูแลเรามาด้วยความเหนื่อยยาก โอกาสที่เราจะตอบแทนท่านเพื่อให้ท่านมีความชื่นใจ ได้รู้ว่าไม่เสียทีที่ได้ส่งเสียเลี้ยงดูเรามานั้นเป็นเรื่องที่ทุกคนควรที่จะกระทำ
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-04-2025 เมื่อ 02:39
|