ในเมื่อเป็นเช่นนั้นจึงต้องอาศัยพระหมอ ส่วนใหญ่ท่านจะมีความรู้ทางสมุนไพรบ้าง คาถาอาคมบ้าง ถึงเวลาเป็นฝีก็ไปให้ท่านเป่าให้ ท่านก็จะถามว่า "จะให้แตกที่นี่ หรือว่าไปแตกที่บ้าน ?" สั่งได้เลยนะ..! ตั้งเวลาได้เลย ส่วนใหญ่จะขอให้ไปแตกที่บ้าน เพราะว่าถ้าฝีแตกแล้วจะเจ็บมาก เดินไม่ได้ พอเดินเข้ารั้วบ้านเท่านั้นแหละ ฝีแตกโป๊ะ..ไหลนองอยู่ตรงนั้นเลย..! ท่านตั้งเวลาได้ขนาดนั้น
แต่ขอโทษ..ไม่ได้มีชื่อเสียงหรอก สู้หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่ามไม่ได้ เพราะว่าท่านทั้งหลายเหล่านั้นส่วนใหญ่จะมา "สายเหนียว" เนื่องจากว่ายุคนั้นโจรผู้ร้ายมีมาก "พลตระเวน" มีน้อย เขาไม่เรียกตำรวจนะ เขาเรียกพลตระเวน หรือไม่ก็เรียกทับศัพท์ไปเลยว่าโปลิศ แต่ได้ยินคนแถวบ้านเรียกแล้วก็ปวดตับ เพราะว่าส่วนใหญ่เป็นเจ๊ก เขาเรียก "ปูลิด"..!
ในเมื่อโจรมีมาก ตำรวจมีน้อยก็ต้องอาศัยป้องกันตัวเอง ไปขอของดีของขลังจากหลวงปู่หลวงพ่อที่ตัวเองมั่นใจ มาติดตัวเอาไว้ เพราะว่าชาวบ้านเองก็ปืนผาหน้าไม้หายากมาก ที่มีก็เป็นปืนคาบศิลา หรือว่าปืนแก๊ป ก็คือใช้ดินปืนตำเอง กรอกเข้าไป ยัดหมอน คำว่าหมอนก็คือส่วนใหญ่จะใช้ใยจากกาบมะพร้าวแห้ง ทุบ ๆ ๆ ปั้นเป็นก้อนแล้วยัดเข้าไป ป้องกันดินปืนไหลออกมา กรอกลูกตะกั่วลงไปเท่าจำนวนที่ตัวเองต้องการ แล้วก็เอาหมอนอัดปิดอีกทีหนึ่ง หลังจากนั้นก็ง้างนกปืนขึ้นมา ทางด้านท้ายจะมีตัวจุดปะทุที่เรียกว่าแก๊ป ซึ่งสมัยเด็ก ๆ อาตมภาพชอบเอาก้อนหินทุบให้แตกเปรี๊ยะ..เสียงดังดี..!
ปรากฏว่าบางทีดินปืนตำก็ไม่ได้มาตรฐาน ถึงเวลายิงแทนที่จะระเบิดโป้ง ก็เสียงดังฟืดดด..! เงียบ..ดินปืนไหม้ไม่แรงพอ ไม่สามารถที่จะจุดระเบิดแล้วดันลูกปืนออกไปได้ หรือบางทีถึงเวลาก็เอาแก๊ปไปหนีบคาเอาไว้นาน ข้ามวันข้ามคืน เกิดความชื้นมาก ง้างนกสับ แป้ก..เงียบ..!
บางคนก็ต้องการจะล่าสัตว์ อัดดินปืนเข้าไป บางทีเขากะขนาดไม่ถูก พอถามว่า "เอ็งอัดดินปืนไปเท่าไร ?" เขาบอก "สองกำโผล่" ก็คือเอามือกำกระบอกอย่างนี้ ปรากฏว่าดินปืนเยอะมากไป อัดอยู่ในกระบอก เหนี่ยวไกเปรี้ยง..!ระเบิดดีมาก หน้าหายไปซีกหนึ่งด้วย..! เพราะว่าลำกล้องปืนระเบิด ทางด้านท้ายรวมทั้งนกสับ ปลิวมากระแทกหน้าตัวเอง..! บาดเจ็บสาหัสบ้าง ตายคาที่บ้าง แล้วแต่เวรแต่กรรม..!
ไม่ต้องคุยอะไรกันแล้ว เรื่องเดียวจบ..หมดเวลาแล้ว เอ้า..เอาแค่นี้ก่อน เดี๋ยวมีเวลาแล้วค่อยเล่าต่อ
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๑๔ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-04-2025 เมื่อ 01:15
|