คราวนี้คุณครูก็มีการเรียนเพื่อเพิ่มวุฒิการศึกษาของตนเอง อย่างสมัยที่เรียนอยู่ชั้นประถมปีที่ ๓ คุณครูวรวรรณ บุญญกานนท์ ครูประจำชั้น สอบเข้าเรียนต่อ ปก.ศ.ได้ เล่นเอาวุ่นวายกันไปทั้งโรงเรียน เพราะว่าคุณครูวิ่งแก้บนทั่วไปหมด ถ้าหากว่าเรียน ปก.ศ. แล้วก็จะมีสิทธิ์เข้าเรียน พ.ม. ก็คือจากประกาศนียบัตรการศึกษาชั้นสูง ก็ขึ้นไปเป็นประกาศนียบัตรพิเศษประโยคครูมัธยม เมาไหม ? หลวงพ่ออยู่ทั้งสมัยเก่าสมัยใหม่ ยังไม่เมาเลย เพราะฉะนั้น..ทน ๆ ฟังเอาหน่อย
คราวนี้จากการที่โรงเรียนต้องหยุดวันโกน - วันพระ ชีวิตก็ผูกพันกับพระมาก จำได้ว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งมีพระธุดงค์มา ๓ รูป กระผม/อาตมภาพกับพี่น้องวิ่งหนีกันป่าราบเลย..! ไม่เคยเห็น เป็นพระธุดงค์สายวัดป่าหลวงปู่มั่น เพราะว่าท่านจะห่มจีวรที่ย้อมค่อนข้างจะออกสีดำ ก็คือสีน้ำตาลเข้ม แล้วก็แบกกลดอันใหญ่มาก ใครเคยเห็นร่มแม่ค้าในตลาด ก็แบบนั้นเลย เพราะว่ากลดยาวเป็นวา ไม่ใช่กลดแขวนสั้น ๆ แบบสมัยนี้
ท่านมาถามหาว่า "มีที่สงบที่ไหนบ้างที่จะไปปักกลดเพื่อบำเพ็ญภาวนาได้ ?" แต่ด้วยความที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แทนที่จะตอบคำถามพระก็กลายเป็นวิ่งหนีกระเจิดกระเจิงหมด..! ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่ไปตอบแทน มาตอนหลังพระชุดนั้นท่านก็อยู่สร้างวัด แล้วท้ายที่สุดก็สร้างวิทยาลัยสงฆ์กำแพงแสน ซึ่งเป็นวิทยาลัยสงฆ์ฝ่ายธรรมยุตขึ้นมาด้วย
ครูบาอาจารย์สมัยนั้นที่ได้รับความเคารพนับถือมากที่สุดก็คือหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม ที่มีชื่อเสียงโด่งดังใกล้เคียงกันก็หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว หลวงปู่เต๋ วัดสามง่าม ถ้าหากว่ามาทางบ้านแม่ก็คือสุพรรณบุรี ข้างบ้านเลยก็หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว ไปข้างบ้านพี่เขยก็หลวงพ่อแดง วัดทุ่งคอก ถ้าหากว่าไกลออกไปหน่อยยันสามชุกโน่น ก็หลวงปู่มุ่ย วัดดอนไร่
ความรู้สึกในตอนเด็กก็คือหลวงปู่หลวงพ่อสมัยนั้น จะมีชื่อเสียงหรือว่าไม่มีก็ตาม เป็นที่พึ่งของชาวบ้านได้ทุกรูป ขนาดที่ไม่มีชื่อเสียงเหมือนกับหลวงตาที่วัดข้างบ้าน สมัยก่อนที่เด็ก ๆ เป็นมากที่สุดก็คือเป็นฝี เขาเรียกว่า "ฝีปากหมู" พอถึงเวลาเป็นก็จะบวมปูดขึ้นมา เหมือนกับจมูกหมู แล้วมักจะเป็นตามข้อ ถ้าเป็นข้อเข่าก็ไม่ต้องเดินเลย..เพราะว่าเจ็บมาก..!
ยาแก้ฝีชนิดนั้นมีอย่างเดียว สมัยนั้นเขาเรียกว่า "โปรเคน" เป็นยาน้ำ ถึงเวลาต้องฉีดโปรเคน ยาปฏิชีวนะที่ดีที่สุดก็คือออริโอมัยซิน แต่ว่าหาซื้อยากมาก แล้วชาวบ้านก็ไม่ได้เรียก "ออริโอมัยซิน" เขาเรียก"โอนีโอ" ชาวบ้านเขาเรียกง่าย ๆ ตามภาษาชาวบ้าน อย่างภาชนะอลูมิเนียมก็เรียก "ปีเนียม" หมดเรื่องไปเลย..!
ในเมื่อยาก็หายาก หมอก็หายาก ถ้าสมัยนั้นจะไปหาหมอต้องอาศัยเกาะรถเมล์ไป ๓๖ กิโลเมตร ก็คือเข้าไปในตัวจังหวัดนครปฐม เส้นทางที่ไปกราบหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอมนั่นแหละ ใช้เวลาเดินทางไปกลับ ๑ วัน ถ้าจะไปหาหมอก็ต้องไปหาที่ค้างคืน ระยะทาง ๓๖ กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง ๑ วัน..! เพราะว่ารถเมล์เป็นรถใช้เครื่องดีเซลเผาหัว จะต้องไปปั่น หมุนตรงข้างหน้าหม้อรถ คล้าย ๆ กับรถอีแต๊กอะไรสมัยนี้ บางทีหมุนกันจนเหงื่อท่วมก็ไม่ติดเสียที วิ่ง ๆ ไป บางทีรถพัง ต้องลงไปนั่งเฝ้า รอว่าเมื่อไรเขาจะซ่อมเสร็จ ถนนก็เป็นลูกรัง วิ่งไปฝุ่นตลบยาวตามหลังไปเป็นกิโลเมตรเลย..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-04-2025 เมื่อ 01:10
|