ดังนั้น..บรรพบุรุษของเราจึงตั้งหน้าตั้งตาสั่งสมบุญกุศล ในทาน ในศีล ในภาวนา เรื่องของทานนั้นก็มีปกติใส่บาตรกันอยู่ทุกวัน เรื่องของศีลนั้นมีการรักษาศีล ๕ เป็นปกติ ถ้าหากว่าเป็นวันพระก็เพิ่มศีลอุโบสถเข้ามา พอเริ่มอายุมาก ๔๐ กว่า ๕๐ ปีก็เริ่มไปถือศีลอุโบสถเป็นโยมวัด ปล่อยวางภาระหน้าที่ต่าง ๆ ให้ลูกหลานรับผิดชอบกันเอง ตนเองเพียงแต่อยู่เป็นมิ่งขวัญกำลังใจและสั่งสมบุญ เพื่อหนทางในการข้ามวัฏสงสารของตนเอง ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เราท่านทั้งหลายในปัจจุบันนี้จึงนับว่าเป็นผู้ประมาทมาก เพราะว่าไม่ค่อยที่จะสร้างบุญสร้างกุศลกัน
ในการสร้างบุญสร้างกุศลก็ยังสร้างบาปไปในตัวด้วย อย่างเช่นว่า การใส่บาตร จิตใจก็ไม่ได้มุ่งอยู่ในเรื่องของทาน เรื่องของการสละออก แต่ว่าไปเซลฟี่บ้าง ไปไลฟ์สดบ้าง มุ่งอยู่ตรงที่จะอวดคนอื่นว่าเราทำความดี หรือว่าการรักษาศีล ก็ไม่ได้สนใจที่จะรักษา เนื่องเพราะเห็นว่าในเรื่องของการรักษาศีลนั้นเป็นเรื่องโบราณ ไม่ทันสมัย
ในเรื่องของการเจริญภาวนาก็ไม่ค่อยจะปฏิบัติ จึงเป็นบุคคลที่กำลังใจน้อย ถึงเวลาก็ไหลตามกระแสโลกไปได้ง่าย โดนคนชักชวนไปในทางที่ไม่ดี ก็ไม่มีกำลังที่จะหักห้ามตนเอง จึงกลายเป็นความวุ่นวายในสังคมไทยอยู่ในปัจจุบันนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-04-2025 เมื่อ 01:22
|