หลังจากนั้นในเรื่องของสมาธิพวกนี้ ก็ยังมีผลตามมาอีก ก็คือบ้านนอกถึงเวลามีงานศพ เขาจะมีการเล่นการพนันกัน เขาอ้างว่า "เล่นเป็นเพื่อนศพ" แต่ความจริงก็คืออยากเล่นการพนันนั่นแหละ..!
กระผม/อาตมภาพไปนั่งดูรุ่นพี่ ๆ เขาเล่นไพ่กัน พอถึงเวลาดึกแล้วกลับมานอน ปรากฏว่านอนไม่หลับ โพธิ์ดำ โพธิ์แดง ดอกจิก ข้าวหลามตัด ติดตาบินว่อนไปหมด ตอนนั้นไม่รู้หรอกว่าลักษณะนั้นก็คือการทรงกสิณได้ ก็คือตั้งใจดูอะไรก็ติดหูติดตา เพราะว่าความเคยชินจากของเก่าเดิม ๆ มีอยู่ แม้กระทั่งเขาเปิดหน้าศพให้ดู ภาพศพก็ติดตาไป ๓ - ๔ วัน จนคิดว่าโดนผีหลอก หันไปทางไหนก็เห็นแต่หน้าศพนั่นแหละ..!
ด้วยความที่ไม่รู้ว่านั่นก็คือภาพอุคหนิมิตติดตาของกสิณ จึงกลัวจนกระทั่งไม่กล้าออกไปฉี่นอกบ้าน อั้นจนหูตาลายทุกคืน..! สมัยก่อนเป็นส้วมหลุม เขาต้องไปทำไว้ไกล ๆ บ้าน อย่างน้อยก็ ๓๐๐ - ๔๐๐ เมตร ส่วนใหญ่ก็ท้ายไร่ ป้องกันไม่ให้กลิ่นเข้ามาถึงบ้านได้
กลายเป็นว่าสิ่งต่าง ๆ ที่เคยฝึกเคยฝนเอาไว้ ไม่ว่าในอดีตก็ดี มาเพิ่มเติมในปัจจุบันก็ดี พวกสถานการณ์ต่าง ๆ ค่อย ๆ บังคับ เริ่มตั้งแต่โยมพ่อจับนอนหลับคอพับคออ่อนสวดมนต์ตั้งแต่ประมาณ ๒ ขวบ จนกระทั่งโรงเรียนที่หยุดวันโกน - วันพระ การนำเพื่อนสวดมนต์ทุกวัน การอาราธนาศีล อาราธนาธรรม อาราธนาปริตร แม้กระทั่งการไปดูคนอื่นเขาเล่นการพนันหรือว่าดูหน้าศพ ช่วยฟื้นของเก่าที่ตัวเองทำมา โดยที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่านั่นคือกรรมฐาน
เอ้า..หมดเวลาแล้ว เอาแค่นี้ก่อน ถ้าไม่ลืมเดี๋ยวพรุ่งนี้จะเล่าต่อให้ฟัง
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๑๓ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-04-2025 เมื่อ 02:01
|