ตอนนั้นไม่เข้าใจ รู้แต่ว่าไปวัดแล้วเย็น ไม่ได้รู้เรื่องของกระแสความศักดิ์สิทธิ์ความขลังอะไรเลย มารู้เอาตอนแก่แทบตายแล้วนี่แหละว่า กระแสคุณงามความดีที่พระภิกษุสามเณรท่านร่วมกันทำ ไม่ว่าจะเป็นการสวดมนต์ทำวัตร สิ่งหนึ่งประการใดที่เกี่ยวข้องด้วยศีล ด้วยธรรม คุณงามความดีเหล่านี้ไม่ได้หายไปไหน แต่ว่ารวมตัวกันอยู่ ทำให้กลายเป็นพลังงานฝ่ายดีที่คอยดึงดูด ใครที่มีวิสัย สามารถสัมผัสเรื่องเหล่านี้ได้ ก็จะรู้สึกว่าอยากเข้าวัด เพราะว่าเข้าไปแล้วจิตใจสงบ อยากจะหลับเดี๋ยวนั้นเลย..!
คราวนี้ความสงบจากการปฏิบัติธรรมนั้นยังไม่รู้จัก มารู้จักความสงบครั้งแรกจากความซนของความเป็นเด็ก ก็คือพอหน้าฝน ริมถนนซึ่งสมัยก่อนก็มักจะขุดดินจากด้านข้างขึ้นมาพูนเป็นคันสูง เพื่อที่ให้รถยนต์วิ่งได้ จำได้ว่าเรียนอยู่ชั้นประถมปีที่ ๒ กำลังจะขึ้นประถมปีที่ ๓ มีรถยนต์คันแรกเข้ามาในหมู่บ้าน เป็นรถยนต์ที่ผู้ใหญ่บ้านซื้อมา เด็กทั้งหมู่บ้านวิ่งไปดูรถกัน เป็นรถจี๊ปหน้ากบ สมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ การสร้างถนนต้องขุดดินด้านข้างขึ้นมา จึงทำให้สองฝั่งเป็นคูน้ำ ยิ่งหน้าฝนน้ำก็ยิ่งมาก เด็ก ๆ ก็ไปเล่นน้ำกัน กระโดดน้ำกันทั้งวัน ขี้โคลนพอกตัวจนผู้ใหญ่เขาบอกว่า "พอที่จะลอกออกมาปั้นช้างได้..!"
คราวนี้ความซนยังไม่พอ ยังไปช่วยกันทำแพ โดยการตัดเอาต้นกล้วย ๓ - ๔ ต้นมาสลับหัวท้ายกัน แล้วก็เหลาไม้แหลม ๆ ตอกให้ติดกันเป็นแพ เริ่มออกผจญภัย แต่ด้วยความที่กระผม/อาตมภาพเพิ่งจะถ่อแพเป็นครั้งแรก ไม่รู้ว่าการถ่อแพนั้น เขาแค่ออกแรงยันเล็กน้อยเท่านั้น จึงใส่เสียเต็มที่เลย ไม้ถ่อจมลงไปในโคลน พอถึงเวลาดึง แพก็เคลื่อนไปข้างหน้าแล้ว แต่ไม้ถ่อไม่ตามมา จึงตกน้ำตูมไปเลย..!
ทันทีที่จมน้ำ ใบหูตกอยู่ใต้น้ำ ความรู้สึกว่าเงียบ "วิ้ง" ขึ้นมา รู้สึกว่าเราคุ้นเคยกับความสงบแบบนี้อย่างบอกไม่ถูก ก็เลยไม่ดิ้นไม่รนไม่อะไร นั่งเงียบ ๆ อยู่ใต้น้ำนั่นแหละ ไม่ทราบว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร ปรากฏว่าพี่มุกดาแกควานไปเจอ ก็ดึงผมขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่มีผมอยู่หน่อยเดียวนั่นแหละ..! ทุกคนตกอกตกใจจนเลิกล่องแพกันหมด แต่อาตมภาพกลายเป็นเด็กใบ้ไปเลย คนเขาว่า "ตกใจขวัญหายที่ตกน้ำ" แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ หากแต่จิตนิ่งสงบจนไม่อยากจะพูดกับใคร
แล้วก็ไม่รู้ว่าที่ตัวเองจมน้ำอยูนานเป็น ๑๐ นาทีนั้นหายใจอย่างไร มารู้ทีหลังว่าการที่เราฝึกสมาธิ พอไปถึงระดับหนึ่งจะเหลือแต่ลมหายใจละเอียด ซึ่งไม่จำเป็นต้องอาศัยจมูกก็ได้ ก็แปลว่าสิ่งต่าง ๆ ที่เคยฝึกฝนมาตั้งแต่อดีตชาติ สามารถข้ามชาติข้ามภพมาจนถึงปัจจุบันได้ ทรงสมาธิโดยไม่รู้ตัว แล้วเป็นสมาธิระดับสูงชนิดที่ไม่ต้องหายใจอีกด้วย..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-04-2025 เมื่อ 01:59
|