ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 14-04-2025, 00:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,271 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สมัยแรก ๆ ที่เรียนอยู่ชั้นประถมปีที่ ๑ ปีที่ ๒ ยังไม่ได้ใช้สมุด ต้องใช้ "กระดานชนวน" เพื่อนคนไหนที่สติน้อย ถึงเวลาเล่นกันรุนแรงมาก กระดานชนวนก็มักจะแตก บางคนเหลือกระดานชนวนแค่สักฝ่ามือเดียว ถึงเวลาเขียนด้วยดินสอ ขีดลงไปก็จะเป็นตัวหนังสือขึ้นมา แต่ว่าดินสอชนวนนั้นก็คือหินนั่นเอง ครูสอนให้ใช้ผ้าชุบน้ำลบอย่างไรก็ไม่สำเร็จ เด็ก ๆ พอถึงเวลาไม่ทันใจ ก็ถ่มน้ำลายใส่แล้วก็ถู ๆ ๆ เพื่อที่จะเขียนใหม่..!

ชุดนักเรียนที่ใส่ก็มักจะเป็นกางเกงสีกากีสั้นแล้วก็เสื้อขาว แต่จะมี "หมวกกะโล่" ซึ่งไม่ทราบเหมือนกันว่าสมัยนี้ยังพอจะมีตัวอย่างเหลืออยู่หรือเปล่า ? เป็นหมวกพลาสติกแข็ง ๆ แล้วก็มีสายรัดคาง ซึ่งมักจะเป็นของเล่นชนิดหนึ่งของเด็กผู้ชาย ก็คือถึงเวลาก็ร่อนใส่เพื่อน เพื่อนก็เตะคืนมา หมวกก็แตกบ้าง แหว่งบ้าง..!

สรุปว่าการละเล่นทุกอย่างอาศัยสิ่งรอบตัวที่มีอยู่ พังบรรลัยอย่างไรก็ได้ แต่ถ้าหากว่าไม่รู้จักรักษาก็รอไปเถอะ โน่น..ปีหน้าขายข้าวแล้วค่อยได้ของใหม่ เพราะว่าส่วนใหญ่พ่อแม่ก็เป็นชาวไร่ชาวนา ไม่ได้มีเงินมีทองมากมาย สมัยนั้นบ้านไหนมีเงิน ๑ ชั่งถือว่าเป็นมหาเศรษฐี ๑ ชั่งก็คือ ๘๐ บาท ส่วนใหญ่ก็เป็นเหรียญบาทใหญ่ ๆ เหรียญใหญ่มาก เหรียญสยามรัฐ แล้วก็มีรัศมีตรงตราแผ่นดิน

กระผม/อาตมภาพจำได้ว่าพอเรียนอยู่ชั้นประถมปีที่ ๓ น้องชาย ก็คือพระครูธรรมธรแสงชัย กนฺตสีโล ก็เข้าชั้นประถมปีที่ ๑ ไอ้เจ้านี่เป็นลูกผู้ชายคนเล็กที่สุดในบ้าน พ่อแม่ที่เป็นคนจีนจะรักลูกผู้ชายมาก โดยเฉพาะลูกคนเล็ก ร้อยวันพันปีกระผม/อาตมภาพกับพี่สาวไปเรียน ไม่เคยได้สตางค์ไปโรงเรียน พอน้องชายไปโรงเรียน แม่ให้เงินไป ๕๐ สตางค์ เป็นเหรียญสมัยรัชกาลที่ ๘ ใหญ่เท่าเหรียญบาทใหญ่รุ่นเก่า สีดำ ๆ บอกว่า "อยากกินอะไรก็เอาเงินนี้ให้แม่ค้า เขาก็จะขายให้เรา"

พอถึงเวลาหยุดกลางวัน น้องชายอยากจะกินข้าวเหนียวทุเรียน กระผม/อาตมภาพก็ไม่เข้าใจว่าเงินนั้นใหญ่แค่ไหน ก็ส่งเหรียญให้แม่ค้า บอกว่า "เอาข้าวเหนียวทุเรียนหมดนี่แหละ..!" แม่ค้าทำตาโต ถามว่า "กินหมดหรือ ?" ยืนยันว่าหมด ปรากฏว่าได้ข้าวเหนียวทุเรียนมาเกือบกะละมัง..! เพิ่งจะรู้ว่าตอนนั้นก๋วยเตี๋ยวชามละสลึงเดียว แล้วเราไปซื้อข้าวเหนียวทุเรียน ๕๐ สตางค์..! ก็ถือว่าเป็นบทเรียนชีวิตอย่างหนึ่ง เริ่มใช้เงินครั้งแรกในชีวิตก็ "ปล่อยไก่" เสียแล้ว

คราวนี้การไปวัด ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมถึงได้ชอบไปขนาดนั้น ? วัดสมัยก่อนส่วนใหญ่ก็ตั้งอยู่ชายทุ่ง บางทีก็ชายป่า แล้วก็จะมีป่าช้าด้วย อากาศเย็นมาก เย็นจนไปถึงวัดแล้วอยากจะนอนทันทีเลย โดยเฉพาะหลังจากถูศาลาเสร็จ ก็นอนกลิ้งเล่น เผลอหน่อยเดียวก็หลับไปแล้ว..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-04-2025 เมื่อ 01:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา