วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๑๓ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ เป็นวันสงกรานต์ คราวนี้วันสงกรานต์โบราณกับวันสงกรานต์ปัจจุบันไม่ค่อยจะตรงกัน เนื่องเพราะว่าทางราชการไทยไปกำหนดวันตายตัว แต่สงกรานต์โบราณถือตามปฏิทินจันทรคติ จึงทำให้วันเวลาคลาดเคลื่อนกันเสมอ
คราวนี้การมาอ้างโบราณก็อยู่ในลักษณะ "เล่าความหลัง" ตามแบบฉบับของคนแก่..! ก็คือคนแก่มักจะมีภาพจำเกี่ยวกับเรื่องเก่า ๆ อยู่มาก หรือไม่ก็อย่างที่พระบางท่านบอกเอาไว้ว่า "บวชนานนิทานมาก" ก็คือมีเรื่องเล่าต่าง ๆ ทั้งในวงการสงฆ์และชาวบ้านมากมายขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามระยะเวลาที่ผ่านไป
ถ้ามาเล่าความหลังเรื่องอื่น ๆ ก็จะมีประโยชน์น้อย วันนี้อยากจะเล่าความหลังเกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมของตนเอง เผื่อเป็นเนติ คือ แบบอย่างของทุกคน
ตั้งแต่พอจำความได้ ตอนนั้นน่าจะประมาณ ๒ ขวบ โยมพ่อก็อุ้มคอพับคออ่อนสวดมนต์อยู่ทุกคืน อย่างที่เคยเล่าให้ฟังแล้วว่า ท่านไปได้คาถาวิเศษมาจากพระธุดงค์ แล้วพระท่านก็ให้ถวายข้าวพระ พร้อมกับสวดคาถาไว้ทุกวัน คาถานั้นก็คือ อิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ เต็มบท เพียงแต่ว่าโยมพ่อไม่ได้ถามรายละเอียดอื่นมากไปกว่านั้น ก็เลยไม่เข้าใจค่านิยมของคนไทยว่า การถวายข้าวพระก็คือให้ทำก่อนเพล โยมพ่อก็เลยอาศัยว่าพอทำงานเสร็จ อาบน้ำอาบท่า กินข้าวกินปลาแล้ว ถึงจะมาถวายข้าวพระ แล้วก็สวดมนต์
ด้วยความที่กระผม/อาตมภาพโดนกรอกหูอยู่ทุกวัน ไม่รู้ว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นก็คือการสร้างพื้นฐานของสมาธิ ฟังอยู่ทุกวันก็เลยจำได้ พอเริ่มเข้าชั้นเรียน ซึ่งสมัยนั้นก็อายุประมาณ ๗ หรือว่า ๘ ขวบ เริ่มเรียนชั้นประถมปีที่ ๑ ไม่มีศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ไม่มีโรงเรียนอนุบาล เข้าเรียนเมื่อไรก็ชั้นประถมปีที่ ๑ ซึ่งสมัยนั้นเขาเรียกว่า "โรงเรียนประชาบาล" ซึ่งส่วนใหญ่มักจะตั้งอยู่กับวัด
พอเข้าชั้นเรียนไป ปรากฏว่าเพื่อนร่วมห้องเรียนเป็นหนุ่มเป็นสาวกันเสียเกินครึ่งห้อง..! เนื่องจากสมัยนั้น ถ้าใครสอบได้ไม่ถึง ๕๐ เปอร์เซ็นต์ เขาให้เรียนซ้ำชั้น เรียกว่า "สอบตก" เรียนซ้ำชั้นไปเรื่อย ๆ บางคนซ้ำชั้นมาเป็น ๑๐ ปีแล้ว ในเมื่อเข้าเรียนตอน ๗ หรือ ๘ ขวบ เรียนซ้ำชั้นไป ๑๐ ปีก็คืออายุ ๑๗ - ๑๘ กันหมดแล้ว สมัยนั้นเขาเรียกกันว่า "เจ้าพ่อโรงเรียน" หรือ "เจ้าแม่โรงเรียน" ขยันมาก ต้องไปเรียนทุกวัน แต่เรียนเท่าไรก็ไม่เข้าหัว
พอกระผม/อาตมภาพเข้าเรียน สามารถสวดมนต์ได้ ครูก็เลยยกให้เป็นหัวหน้าชั้น ต้องไปคุม "เจ้าพ่อโรงเรียน" "เจ้าแม่โรงเรียน" เกินครึ่งห้อง..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-04-2025 เมื่อ 01:43
|