วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ ยังนึกว่าสามเณรจะไปนอนดูช้างที่ถ้ำโป่งช้างเสียอีก แต่กลับมาก็ดีแล้ว พี่เลี้ยงจะได้ตรวจสอบว่าใครยังท่องคำอาราธนาศีล อาราธนาธรรม อาราธนาพระปริตร และปฏิญาณตนเป็นพุทธมามกะไม่ได้ เพราะว่าถ้าท่องไม่ได้ นอกจากจะไม่ได้รับทุนการศึกษาแล้วยังไม่ได้สึกอีกต่างหาก ท่องได้เมื่อไรแล้วค่อยสึก..!
เมื่อครู่นี้อาจารย์ปู (พระพงษ์สิทธิ์ สนฺตจิตฺโต) ท่านได้เล่าเรื่องของท่านภูริทัตนาคราชให้พวกเราฟัง ในพระไตรปิฎกกล่าวถึงพญานาคเอาไว้หลายแห่งด้วยกัน แห่งแรกเลยก็ตอนที่เจ้าชายสิทธัตถราชกุมารลอยถาดทองคำ ถาดจมลงไปอยู่ที่ตรงหน้าของพญากาลนาคราช แล้วก็เล่าชาดกถึงภูริทัตนาคราช จัมเปยนาคราช เหล่านี้เป็นต้น
พญานาคนั้นมีอยู่ ๒ ประเภทด้วยกัน ประเภทที่ ๑ เป็นสัตว์เดรัจฉานกึ่งทิพย์ ประเภทที่ ๒ เป็นเทวดาชั้นจาตุมหาราช ลูกน้องของท่านท้าววิรูปักษ์มหาราช คราวนี้เทวดาชั้นจาตุมหาราชเมื่อท่านจะทำงานก็ต้องแต่งเครื่องแบบ ลูกน้องของท้าววิรูปักษ์มหาราช ถึงเวลาแต่งเครื่องแบบก็ออกมาเป็นงูใหญ่ คนก็เลยเรียกว่านาค
คำว่า "นาค" เป็นภาษาบาลีมาจาก "นาคะ" ซึ่งแปลได้ทั้ง "ผู้ฝึกดีแล้ว" แปลได้ทั้ง "ผู้เป็นใหญ่" ก็คือพระมหากษัตริย์ แปลได้ทั้ง "ผู้ประเสริฐสุด" ก็คือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วก็แปลว่า "พญานาค" ที่เป็นสัตว์เดรัจฉานกึ่งทิพย์
คำว่า นาค ของไทยเราเลียนแบบมาจากภาษาบาลี ถ้าเป็นภาษาไทยเดิมเขาเรียกว่า "เงือก" พวกเรามักจะไปเข้าใจว่าเงือกก็คือบรรดาผู้หญิงผู้ชายที่มีหางเป็นปลา แต่ความจริงภาษาไทยโบราณเรียกงูว่า "เงือก" อย่างเช่นทางเหนือเขามี "หนองเงือก" ก็คือหนองน้ำที่มีงูใหญ่อาศัยอยู่ แล้วทางเหนือของเรายังเรียกงูใหญ่ว่า"ลวง" ซึ่งคำว่าลวงนี้เป็นภาษาถิ่นที่กร่อนมาจากคำว่า "หลง" ของภาษาจีน ก็คือมังกร หรือว่างูใหญ่นั่นเอง
จังหวัดกาญจนบุรีของเราเป็นต้นตำนานงูใหญ่ที่โด่งดังที่สุด ก็คืองูใหญ่สมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ซึ่งกว่าจะถูกฆ่าตายก็กินทหารญี่ปุ่นไปเสียมากมาย ไม่สามารถที่จะประมาณได้ว่างูตัวนั้นใหญ่แค่ไหน บางคนถึงขนาดบอกว่าตัวขนาดตู้รถไฟ..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-04-2025 เมื่อ 02:30
|