ส่วนอบายมุขอีกอย่างหนึ่งนั้นมาในสิงคาลกสูตร ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค ซึ่งกล่าวถึงสิงคาลกมาณพที่มาไหว้ทิศทั้ง ๖ เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอบถามแล้วจึงได้บอกว่า พระอริยสาวกในศาสนาของพระองค์ท่านนั้น จะเว้นจากกรรมกิเลส ๔ และหนทางเสื่อมให้โภคะ ๖ ประการ เพื่อปิดทิศทั้ง ๖ ซึ่งหนทางแห่งความเสื่อมจากโภคะ ๖ ประการนั่นแหละที่เรียกกว่าอบายมุข ๖ ซึ่งประกอบไปด้วย
๑) การดื่มน้ำเมา
๒) การเที่ยวกลางคืน
๓) การเที่ยวดูการละเล่น
๔) การเล่นการพนัน
๕) การคบคนชั่วเป็นมิตร
๖) การเกียจคร้านในการทำงาน
ท่านทั้งหลายจะเห็นว่าการดื่มน้ำเมาในอบายมุข ๖ นั้นก็ตรงกับการเป็นนักเลงสุราในอบายมุข ๔
การคบคนชั่วเป็นมิตรนั้นตรงกันทุกประการ
การเล่นการพนัน ตรงกันทุกประการ
การเป็นนักเลงหญิงนั้น สงเคราะห์เข้ากับการเที่ยวกลางคืน หรือเที่ยวดูการละเล่นได้
ก็แปลว่าหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นไม่มีอะไรคัดค้านกันเลย เพียงแต่ว่าหนทางแห่งความเสื่อมของโภคะ คือทรัพย์สมบัตินั้นจะชัดเจนกว่า และครอบคลุมกว่า
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-04-2025 เมื่อ 01:53
|