หลายต่อหลายแห่งที่กระผม/อาตมภาพไป กว่าที่จะคุยกันรู้เรื่อง บางทีก็ต้องลงไม้ลงมือกันก่อน ซึ่งถ้าเป็นก่อนหน้านี้ กระผม/อาตมภาพจะชอบมาก เนื่องเพราะว่าสันดานนักรบเก่า ถ้าได้ตีกันจะสนุกมาก..! แต่มาระยะหลังกระผม/อาตมภาพใช้วิธีเจรจาเอา เนื่องเพราะว่าการตีกับผีกับเทวดานั้น เราเสียเปรียบตั้งแต่ต้น
อันดับแรกเลยก็คือในการใช้ฤทธิ์ ท่านทั้งหลายเหล่านั้นเป็นโดยธรรมชาติ ขณะที่ฤทธิ์ของพวกเราเกิดจากการฝึกฝน ความคล่องตัวขนาดไหนก็ตาม สู้บุคคลที่เป็นโดยธรรมชาติไม่ได้
ประการต่อไปก็คือเราต้องกิน ต้องพักผ่อนหลับนอน แต่อีกภพภูมิหนึ่งเขาไม่ต้อง ก็แปลว่าถ้าเราเผลอเมื่อไรก็โดน "สอย" คืนเมื่อนั้น โดยเฉพาะเวลากิน เวลานอน เวลาเข้าห้องน้ำห้องส้วม เรามักจะขาดสติ เผลอแล้วก็เปิดโอกาสให้เขาเล่นงานเราคืนได้
แบบเดียวกับที่หลวงปู่เนียม วัดน้อย ท่านเล่าให้หลวงปู่ปาน วัดบางนมโคฟังว่า ท่านไปช่วยบุคคลคนหนึ่งเอาไว้ แล้วฝ่ายที่เขาทำอันตรายแก่บุคคลนั้นไม่ชอบใจ จึงส่งผีมาเล่นงานท่าน ท่านก็ระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา เจ้าผีทำอะไรไม่ได้ ก็ถือแหลนไม้แหลม ๆ เดินตามอยู่ตลอด วันนั้นหลวงปู่เนียมท่านเข้าห้องน้ำแล้วเผลอ ตอนนั่งส้วมขาดสติไป แค่พริบตาเดียวเท่านั้น เจ้าผีนั่นเอาแหลนพุ่งใส่ ท่านบอกว่าโดนบริเวณท้อง อาการที่เกิดขึ้นก็คือถ่ายจนหมดแรง..!
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ความคล่องตัวในเรื่องของฤทธิ์ของกำลังเราก็สู้ไม่ได้ การต้องกิน ต้องนอน ต้องพักผ่อนของเราก็ต้องมี การที่ทะเลาะเบาะแว้งกับเขาทั้งหลายเหล่านี้ โอกาสขาดทุนจึงมีสูงมาก ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ระยะหลัง กระผม/อาตมภาพจึงใช้วิธีคุยกันดี ๆ อยากจะให้ทำอะไร ถ้าไม่เกินวิสัย ไม่เกินกำลังก็ทำให้ แต่ถ้าหากว่าคุยดี ๆ แล้วไม่รู้เรื่อง คราวนี้ค่อยมาจัดการกันอีกทีหนึ่ง..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-04-2025 เมื่อ 02:05
|