บริษัทบางแห่งเป็นนายจ้างมาจากญี่ปุ่น เคยชินกับเรื่องของแผ่นดินไหว บอกว่า "ไม่ต้องกลัว แค่มุดลงไปใต้โต๊ะเท่านั้นก็ปลอดภัยแล้ว" แต่ลูกน้องเตือนว่า "เจ้านายครับ ที่นี่เป็นตึกของประเทศไทยนะครับ" พูดยังไม่ทันจะขาดคำ เจ้านายเผ่นนำหน้าไปแล้ว เพราะเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่านี่ไม่ใช่ประเทศญี่ปุ่น..!
พยาบาลบางคนบอกว่าตนเองน้ำหนักประมาณ ๕๐ กิโลกรัม แต่แบกคนไข้ผู้ชายน้ำหนัก ๘๐ กิโลกรัม เพื่อวิ่งลงไปยังชั้นล่าง คนไข้เองก็ยังมีสติสวดมนต์เป็นการใหญ่ คุณพยาบาลก็ยังมีสติบอกคนไข้ว่า "ช่วยสวดเผื่อหนูด้วย" ก็เป็นเรื่องอะไรที่มาสนุกสนานเฮฮากันหลังจากเหตุการณ์ผ่านไปแล้ว แต่ว่าในช่วงนั้นน่าจะไม่ใช่เรื่องสนุกแน่นอน หรือแท็กซี่ซึ่งต่อว่าผู้โดยสารว่า "ประท้วงอะไร..ทำไมถึงต้องเขย่ารถของผม ?"
แต่ว่าจากที่กระผม/อาตมภาพสอบถามพรรคพวกเพื่อนฝูงที่ไปร่วมงานในวันนี้ ส่วนใหญ่ก็ไปคิดว่าตนเองหน้ามืด เจ็บไข้ได้ป่วยอะไรหรือเปล่า ? เพราะว่าอยู่ ๆ ก็เวียนหัว เดินไม่ตรงทาง หรือว่านั่งอยู่ดี ๆ ก็รู้สึกว่าแผ่นดินไหววูบวาบไปหมด จะเป็นอาการ "บ้านหมุน" อย่างที่หมอเคยบอกมาหรือเปล่า ? กว่าจะรู้ว่าเป็นเรื่องของแผ่นดินไหวก็ผ่านไปพักใหญ่แล้ว เป็นต้น
สิ่งหนึ่งที่กระผม/อาตมภาพงงมากเลยก็คือ การวัดแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว ตั้งแต่กระผม/อาตมภาพรู้ภาษามา เขาก็เรียกระดับของแผ่นดินไหวเป็นริกเตอร์สเกล ก็คือถ้าหากว่าสูงสุดก็ระดับ ๘ ขึ้นไป ต่ำลงมากว่านั้นก็ย่อยลงมาตามลำดับ
แต่ว่าในปัจจุบันนี้ วัดการสั่นสะเทือนเป็นแมกนิจูด ซึ่งสมัยที่กระผมอาตมภาพเรียนอยู่นั้น แมกนิจูดเป็นอัตราวัดแสงสว่างของดวงดาว ไม่ใช่การวัดระดับแผ่นดินไหว..! ปัจจุบันนี้ทำไมถึงกลายเป็นวัดระดับแผ่นดินไหวเป็นแมกนิจูดกันไปหมด ท่านใดที่รู้โปรดเรียนบอกด้วยว่ามีการเปลี่ยนแปลงช่วงไหน ? คนแก่อย่างกระผม/อาตมภาพตามไม่ทัน ดังนั้น..ยังคงใช้เป็นริกเตอร์สเกลอยู่เหมือนเดิม
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-03-2025 เมื่อ 01:43
|