ท่านที่นั่งท้าวพื้นอยู่ นั่งขัดสมาธิดีกว่าครับ ภิกษุเอามือค้ำกายต้องอาบัติอยู่แล้ว เห็นใจครับ น้ำหนักเยอะ จึงนั่งยาก
คราวนี้การที่เราจะสร้างประโยชน์ตน ก็คือทำให้ตนเองเข้มแข็งขึ้นมาก่อน ถึงจะเป็นผู้นำเขาได้ ท่านทั้งหลายเหมือนกับหัวรถจักรนะครับ รถไฟวิ่งไปข้างหน้า มีตู้เกี่ยวอยู่ข้างหลัง ยิ่งอยู่นานเท่าไร ตู้จะยิ่งมากขึ้นไปเรื่อย ๆ ครับ
หลวงพ่อสุพจน์ของผม ก่อนหน้านี้ท่านก็อยู่โน่น..หนองตากยา ตอนนี้ย้ายไปอยู่ห้วยตะเคียน ผู้บังคับบัญชาจับวางตรงไหน กูไปตรงนั้น ญาติโยมก็ตามไปกวนตรงนั้น ท่านบอกกับผมว่า "มาที่นี่ถือว่าพักผ่อน ได้หนีจากไอ้พวกที่มาหากันไม่เว้นแต่ละวันเสียที" ยิ่งนานไป พวกตู้ที่เกี่ยวพ่วงยิ่งมากขึ้น แล้วถ้าหัวรถจักรกำลังไม่ดี ไปไม่รอดนะครับท่าน..!
กระผมเป็นคนที่หวงเวลามากที่สุด ถ้าถึงเวลาต้องปฏิบัติธรรม เช้าตี ๓ ครึ่งต้องพร้อมแล้ว แล้วที่วัดผมก็ทำวัตรเช้า ๑ รอบ ทำวัตรเย็น ๒ รอบ การสวดมนต์ทำวัตรเป็นการสร้างสมาธิวิธีหนึ่ง ยิ่งกำลังสมาธิสูงเท่าไร เราจะเข้มแข็งมั่นคงเท่านั้น แต่ถ้าอาศัยกำลังสมาธิอย่างเดียว เผลอเมื่อไรกิเลสตีกลับ เราเสียพระดี ๆ มาเยอะแล้ว เพราะฉะนั้น..ประมาทไม่ได้นะครับทุกท่าน
ประโยชน์ตนสิ่งแรกเลยก็คือศึกษาเรียนรู้ให้มากที่สุด ไม่ว่าจะนักธรรม จะบาลี หรือว่าอ่านพระไตรปิฎก ประการที่สองก็คือ เอาแนวทางการปฏิบัติมาทำให้เกิดผล
ท่านทั้งหลายครับ บุคคลที่เข้าถึงแม้ส่วนเสี้ยวเดียวของสมาธิ จะหล่อเลี้ยงให้ท่านทั้งหลายอยากอยู่ในผ้าเหลืองต่อไปแบบไม่รู้จบ กระผมพูดจากประสบการณ์ตัวเอง เพราะว่าตั้งใจบวชแค่ ๗ วันนะครับ ไอ้ ๓๙ ปีกว่าจะ ๔๐ ปีนี่ ตั้งใจไว้จริง ๆ แค่ ๗ วันครับ..!
แต่คราวนี้เมื่อท่านทำสมาธิไปถึงจุดหนึ่งจะเกิดสิ่งที่เรียกว่าปีติ ความอิ่มอกอิ่มใจเกิดขึ้น จะไม่เบื่อไม่หน่ายในการปฏิบัติธรรมครับ แต่ว่าต้องดูความพอเหมาะพอดีด้วยนะครับ เพราะว่าหลายท่าน พอถึงเวลาปีติก็โหมกันข้ามวันข้ามคืน ไม่ได้พักไม่ได้ผ่อน ลองนึกถึงคนที่ทำงานแล้วไม่ได้พักทั้งวันสิครับ รุ่งขึ้นไหวไหม ? บางทีก็นอนแผ่ไป ๓ วัน..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-03-2025 เมื่อ 01:46
|