ข้อต่อไปคือท่านห้ามจัดงานรื่นเริงภายในวัด ท่านต้องเข้าใจว่าพระภิกษุสงฆ์ของเรานั้น อยู่ด้วยพระธรรมวินัยอย่างหนึ่ง อยู่ด้วยกฎหมายบ้านเมืองอย่างหนึ่ง และอยู่ด้วยจารีตประเพณีอย่างหนึ่ง จารีตประเพณีที่ชาวบ้านร่วมกันทำขึ้นมา อย่างเช่นว่างานประจำปีของวัด งานทำบุญถวายบูรพาจารย์ เหล่านี้เป็นต้น ก็จะมีงานจัดงานต่าง ๆ ซึ่งทางมหาเถรสมาคมก็ระบุไว้ชัดเจนแล้วว่า งานประเภทใดบ้างที่ห้ามจัด ต่อให้ท่านไม่พูดถึงตรงนี้ เขาก็มีการห้ามอยู่แล้ว โปรดลืมตาดูโลกเสียบ้างว่า สิ่งทั้งหลายเหล่านี้มหาเถรสมาคมดำเนินการอย่างรอบคอบและรัดกุมอยู่แล้ว
ข้อต่อไปคือ "การแต่งตั้งเจ้าอาวาส ควรกระจายพระมหาที่มีทั้งภูมิรู้และภูมิธรรม ตั้งแต่เปรียญธรรม ๓ ประโยค มีอายุและพรรษาที่เหมาะสม ออกไปเป็นเจ้าอาวาส หรือที่ปรึกษาเจ้าอาวาส จะได้มีความรู้ด้านพระธรรมวินัยให้พระภิกษุทุกวัดศึกษาธรรมะจบอย่างน้อยนักธรรมเอก ให้พระภิกษุในวัดปฏิบัติธรรมทุกวัน ทั้งเดินจงกรม นั่งสมาธิ ภาวนา"
เรื่องนี้ก็เช่นกัน กระผม/อาตมภาพเมื่อครู่กล่าวไปแล้ว การแต่งตั้งเจ้าอาวาสนั้นแม้เป็นอำนาจของเจ้าคณะปกครอง แต่ก็ต้องอนุเคราะห์อนุโลมตามไปด้วยว่า ชาวบ้านสนับสนุนพระรูปไหน ? ไม่ใช่ส่งพระมหาประโยค ๙ เข้าไป แล้วก็อยู่ได้แค่ ๓ วัน อย่างวัดที่กระผม/อาตมภาพกำลังนั่งบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนอยู่นี่..!
ดังนั้น..ท่านหลับหูหลับตาพูดโดยที่ไม่ได้ศึกษาบริบทของชาวบ้านเลย อยู่ในลักษณะ "ตีหัวเข้าบ้าน" ก็คือคิดว่ากูตำหนิ กูแนะนำแล้วว่าสิ่งที่ดีเป็นอย่างนี้ โดยที่เป็นความดีในด้านเดียวของท่าน ไม่ใช่ความดีของสังคมรอบด้าน
พระภิกษุทุกวัดต้องปฏิบัติธรรม เดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา ท่านได้ศึกษาหรือไม่ว่าเขามีวัดอรัญวาสี คือสายวัดป่า และมีวัดคามวาสี คือสายวัดบ้าน แม้แต่ในพระไตรปิฎกก็กล่าวถึงการศึกษาคันถธุระ ก็คือการศึกษาเล่าเรียนพระบาลี พระไตรปิฎก หรือว่าเรียนนักธรรมนั่นเอง และวิปัสสนาธุระ ก็คือการปฏิบัติธรรม เดินจงกรม นั่งสมาธิ ภาวนา
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-03-2025 เมื่อ 01:01
|