ส่วนของมหาเก่งนั้นเป็นเรื่องปกติครับ ไอ้ที่ผมบอกว่า "สิงห์สนามซ้อม" ต่อให้เราขยันแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าเขาออกไม่ตรงกับที่เราอ่านนี่ตายเหมือนกัน..! เพราะฉะนั้น..เราจะสอบตกโด่เด่อยู่คนเดียว ก็ถือว่าเป็นการฝึกกำลังใจของตัวเอง เสียเวลาฟรีไปปีหนึ่ง ปีหน้าสู้กันใหม่ เพื่อนเขาตามทัน จะได้มีเพื่อนช่วยกันเรียนด้วย..!
นี่ยังไม่น่าเจ็บใจเท่าไร โน่น ดร.พระครูปรีชาของเรา (พระครูสุตกาญจนวัฒน์, ดร.) เจ้าอาวาสวัดวังปะโท่ สอบประโยค ๔ อ่านไปถึงตรงที่อาจารย์ออกครึ่งเดียว ทำได้ครึ่งหนึ่ง นั่นน่าชอกช้ำกว่าตั้งเยอะ ทำไม่ได้เลยกระผม/อาตมภาพไม่ว่านะ ไอ้ทำได้ครึ่งเดียวนี่น่าเจ็บใจมากเลย แต่ว่าเรื่องของบาลีก็เป็นอย่างนี้แหละ ต้องใช้ความพยายามกันต่อไป
แล้วอีกอย่างหนึ่งก็คือ พัดมหาเปรียญคือสมณศักดิ์ ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็แปลว่า เราสามารถหาสมณศักดิ์ให้กับตัวเองได้ แต่ว่าในสิ่งที่เป็นเป้าหมายบาลีที่ชัดเจนที่สุดก็คือ เพื่อให้แปลพระไตรปิฎกได้ถูกต้อง
สมัยที่กระผม/อาตมภาพเรียนปริญญาโท ปริญญาเอก พอถึงเวลาทำงานวิจัย ในวิทยานิพนธ์ถ้าเราไปอ้างอิงพระไตรปิฎกฉบับภาษาบาลี เขาให้เอาออกเลย เขาบอกว่าถ้าไม่จบประโยค ๙ ห้ามอ้าง เนื่องเพราะว่าพระไตรปิฎกฉบับภาษาบาลี ขนาดประโยค ๙ บางทียังอ่านไม่รู้เรื่องเลย แล้วคุณไปอ้าง ถึงเวลาจะไปอ้างได้อย่างไร ? ก็ในเมื่อเราเองก็อ่านไม่รู้เรื่อง เพราะฉะนั้น..เราจะเห็นคุณค่าว่าการเป็น "มหา" นั้นยากจริง ๆ
แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่กระผม/อาตมภาพเสนอให้กับทางคณะสงฆ์แล้ว แต่ยังไม่ได้รับการเหลียวแลเลย ก็คือให้เรียนบาลีลักษณะเก็บหน่วยกิต ก็คือขึ้นหน้าอย่างเดียวเลย เขาบอกว่า "ไม่ขลัง" ต้องประมาณว่าเข้าสอบ ๑๐๐ ตก ๗๐ อะไรอย่างนั้น ดูแล้วขลังดี..! ถ้าสบายใจของท่านก็เอาเถอะ ถ้ากระผม/อาตมภาพยังมีแรงอยู่ มีโอกาสก็จะเสนอไปเรื่อย ๆ นั่นแหละ..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-03-2025 เมื่อ 02:54
|