เมื่อถอดรองเท้าเสร็จ จะเดินผ่านเครื่อง เจ้าหน้าที่หญิงที่เดินผ่านเข้าไปก่อน เครื่องร้องเสียงดังสนั่นหวั่นไหวมาก ก็เลยรีบหันกลับมา ยกมือทำท่าให้กระผม/อาตมภาพยืนรอก่อน จนกระทั่งระบบกลับเป็นปกติแล้ว กระผม/อาตมภาพจึงเดินผ่านไปโดยเงียบกริบ ทั้ง ๆ ที่ในตัวนั้นประกอบไปด้วยพระสมเด็จองค์ปฐม รุ่น ๒ วัดท่าซุง พระสมเด็จคำข้าว พระสมเด็จหางหมาก รุ่น ๑ ทั้งคู่ของวัดท่าซุง พระ ๒๕ พุทธศตวรรษ เนื้อดิน และพระหลวงปู่ปานขี่ครุฑ ซึ่งทั้งหมดนั้นล้วนแต่เลี่ยมทอง และมีแหนบแขวนทั้งสิ้น..!
ที่เอวก็ยังมีท่านปู่ท้าวเวสสุวรรณเนื้อทองผสม และท่านพี่อสุรินทราหูอยู่ด้วย ซ้ำยังมีกุญแจตลอดจนกระทั่งข้าวของบางอย่างที่เป็นโลหะ แต่ผ่านไปแบบเงียบฉี่ คุณหนูเธอก็ไว้ใจพระเหลือเกิน โบกมือให้ไปรับของโดยที่ไม่ได้ตรวจร่างกายซ้ำเลย..!
เมื่อพวกเรานั่งรถรางไปจนถึงประตูที่ ๓๐ เวลาขึ้นเครื่องก็คือ ๐๐.๔๕ น. กระผม/อาตมภาพกับเผือกน้อยจึงได้นั่งภาวนาแข่งกัน รอจนกระทั่งท่านอื่น ๆ ซึ่งเป็นขาช็อปปิ้ง ทำการละลายทรัพย์จนกระทั่งแบกไม่ไหวแล้ว ตามกันเข้ามา รอจนกระทั่งได้เวลา พวกเราก็ขึ้นสู่เครื่องบิน เดินทางกลับสู่สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ ครั้นเวลาประมาณ ตี ๓ ครึ่งของประเทศไทย ซึ่งเป็นเวลาตี ๕ ครึ่งของญี่ปุ่น เจ้าหน้าที่ก็ได้เสิร์ฟอาหารเช้าให้ ซึ่งเป็นข้าวหน้าไก่อบพริกไทย ฉันเสร็จเรียบร้อย เข้าห้องน้ำแล้ว ก็ได้เวลาลงสู่สนามบินสุวรรณภูมิพอดี
การไปประเทศญี่ปุ่นในครั้งนี้ต้องบอกว่าเป็นทริปที่สนุกสนานมาก ได้ออกกำลังกันอย่างชนิดที่เหลือเชื่อเลยทีเดียว เนื่องเพราะว่าบางคนมีแก็ดเจ็ตติดตัวไปด้วย ทำการวัดระยะการเดินทางแล้ว ได้ถึง ๔๐,๐๐๐ กว่าก้าวในแต่ละวันก็มี ซึ่งหลายท่านก็บอกว่าถ้าตัดการช็อปปิ้งออกไปแล้ว อย่างน้อย ๆ ก็ต้องได้ถึง ๒๐,๐๐๐ ก้าวต่อวันประมาณนั้น ทำให้รู้สึกว่าร่างกายแข็งแรงขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุที่สอง ก็คือนอกจากได้รับความอนุเคราะห์สงเคราะห์จากท่านผู้เมตตาแล้ว ตนเองก็ยังออกกำลังกายอย่างหนักอยู่ทุกวัน สภาพร่างกายจึงยังพอไหว ไม่ได้เจ็บไข้ได้ป่วยอะไร แม้แต่ยาที่เตรียมเอาไว้สำหรับ ๖ วัน ก็ได้แต่ฉันกันไข้ไปเฉพาะตอนที่เจอหิมะบนยอดเขาโคยะซังเท่านั้น
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๒๒ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-03-2025 เมื่อ 09:37
|