เมื่อพวกเราไปถึงท่าอากาศนานาชาติคันไซ ก็ได้ตรงเข้าไปยังบริเวณสนามบินโซน H ที่บอกเอาไว้อย่างชัดเจนว่าให้พวกเราไปรับกระเป๋าที่ฝากไว้ตั้งแต่เมื่อเช้านี้ ซึ่งมาถึงไล่เลี่ยกับพวกเรา ดังนั้น..จึงต้องมีการ "เดินและวิ่งการกุศล" กันอีกตามเคย เนื่องเพราะว่าสถานีรถไฟ ตลอดจนกระทั่งสนามบินในญี่ปุ่นนั้น ต้องมีให้เราขึ้นฟ้าลงดินกันทุกแห่ง กระผม/อาตมภาพใช้บันไดปกติ ขณะที่คนหมดเรี่ยวหมดแรงแล้วจากการช็อปปิ้งก็ใช้บันไดเลื่อนกันไป
เมื่อพวกเราไปถึง แจ้งกับทางเจ้าหน้าที่แล้ว เขาบอกว่ามีกระเป๋าแค่ ๒ ใบ กระผม/อาตมภาพจึงเปิดรูปที่ถ่ายเอาไว้ บอกว่า "Five more" คืออีก ๕ ใบ เมื่อเขาเห็นรูปและสีของกระเป๋าก็รีบวิ่งกลับเข้าไปดูใหม่ ท้ายที่สุดก็นำมาให้จนครบทั้ง ๗ ใบ เมื่อพวกเราได้กระเป๋ามาแล้ว ส่วนหนึ่งก็ไปทำการเช็คอินผ่านเครื่องอัตโนมัติ อีกส่วนหนึ่งก็มาจัดกระเป๋าเสียใหม่ ปรากฏว่ามีบางคนตอนมาเห็นหิ้วกระเป๋ามาใบเดียว ตอนกลับกระเป๋าออกลูกออกหลานเป็น ๓ ใบไปเรียบร้อยแล้ว..!
ส่วนตัวกระผม/อาตมภาพก็มีปัญหาอยู่เช่นเคย ก็คือไม่สามารถที่จะเช็คอินได้ด้วยระบบอัตโนมัติ เนื่องจากว่าสมณศักดิ์ของพระนั้นไม่มีนามสกุล จึงทำให้เครื่องไม่ยอมรับ ต้องไปเช็คอินที่หน้าเคาน์เตอร์ซึ่งจะเปิดตอน ๒๑.๔๕ น. แต่ว่าทิดโฮป (นายกฤตบุญ ปัญจรัตนากร) ใช้ความสามารถส่วนตัว ที่ทางประเทศสิงคโปร์ถึงขนาดเชิญไปทำงาน ก็คือเป็นผู้เชี่ยวชาญทางไอที ใช้ "วิชามาร" เข้าไปทำให้กระผม/อาตมภาพสามารถเช็คอินออนไลน์จนได้..!
เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นเรียบร้อย ส่วนหนึ่งก็ไปเดินช็อปปิ้งหรือว่าหาอาหารเย็นรับประทานกัน อีกส่วนหนึ่งก็ทำหน้าที่ของตนเอง อย่างเช่นคุณเผือกน้อย (นายเฉลิมเดช รุจิราวรรณ) ก็ตั้งหน้าตั้งตาถอดเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนเป็นตัวอักษร พวกเราทำงานไปก็ดูผู้คนที่วุ่นวายไปหมด เพราะว่าสนามบินนานาชาติคันไซนั้น มีผู้ใช้บริการค่อนข้างที่จะมากทีเดียว
จนกระทั่งการถอดเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนเสร็จเรียบร้อย หมอโส (นายโสภณ ศิริปุณย์) ก็ถามกระผม/อาตมภาพว่า "มีอาการเจ็บอาการป่วยที่ใดบ้าง ?" จึงบอกไปว่าที่มางวดนี้ไม่มีความเจ็บป่วยเลย ด้วยสาเหตุ ๒ ประการ ประการแรกก็คือได้รับการอนุเคราะห์สงเคราะห์จากพี่ใหญ่ ก็คือท่านอสุรินทราหูและท่านปู่ ก็คือท่านท้าวเวสสุวรรณ หัวหน้าท้าวมหาราชทั้ง ๔ ที่ช่วยติดตามดูแลประคับประคองกายสังขารให้ ถ้าหลายท่านสังเกตจะเห็นว่ากระผม/อาตมภาพถึงจะเซบ้าง ลื่นบ้างตอนเดินอยู่ แต่จะไม่มีวันล้ม หลายคนที่ผวาเข้าไป จะช่วยจับช่วยประคองก็เลยเสียเวลาเปล่า
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-03-2025 เมื่อ 09:34
|