ครั้นฉันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ลงมาข้างล่าง ซึ่งชั้นล่างนั้นเป็นร้านชำขายของทั่วไป แต่ว่าชั้นบนเป็นร้านอาหาร ทางผู้จัดการร้านบอกว่า "ไม่เคยพบมาก่อนเลยในชีวิต ว่าฤดูร้อนแบบนี้จะมีหิมะตกหนักได้อย่างนี้" กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่น้อมจิตกราบขอบพระคุณท่าน Kobo Daishi ที่ต้อนรับพวกเราอย่างประทับใจสุด ๆ..!
พวกเราถ่ายรูปกันรอบบริเวณนั้นอยู่พักใหญ่ กว่ารถเมล์ที่ไปยังสุสานท่าน Kobo Daishi จะมาถึง เมื่อขึ้นรถแล้วเขาก็ไปส่งตรงปากทางเข้าสุสาน ส่วนที่เหลือพวกเราต้องเดินผ่านหิมะหนาเป็นฟุต ๆ เข้าไปกันเอง ซึ่งเป็นระยะทางที่ไกลไม่น้อยเลย ตลอดทางก็มีแต่บรรดาสุสานของบุคคลที่หวังจะมาพึ่งบุญพึ่งบารมีท่าน Kobo Daishi สร้างเอาไว้อย่างงดงามเต็มไปหมด
พวกเราเดินถ่ายรูปไปเป็นระยะ ทั้ง ๆ ที่เขาห้ามถ่ายรูปในบริเวณนี้ เมื่อคุยกันถึงเหตุผลว่าทำไมเขาถึงห้ามถ่าย ทั้ง ๆ ที่ทิวทัศน์สวยงามสุด ๆ โดยเฉพาะป่าสนต้นใหญ่มหึมา ๒ - ๓ โอบ ซึ่งทำให้เข้าใจชัดเลยว่า ทำไมวัดซึ่งสร้างด้วยไม้ของทางด้านประเทศญี่ปุ่นนั้น ถึงสามารถหาเสาต้นใหญ่มหึมาขนาดนั้นได้ ก็เพราะว่าเป็นต้นสนอายุหลายร้อยจนถึงพันปีเหล่านี้นั่นเอง บรรดาผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์กันแล้วก็ฟันธงว่า เนื่องจากว่าเป็นป่าสนที่รกทึบมาก และมีแต่สุสานเต็มไปหมด ถ้าหากว่าถ่ายรูปแล้วไปติดบุคคลของโลกอื่นเข้า ก็อาจจะทำให้คนตกใจกลัวแล้วไม่กล้ามากันอีก..!
เมื่อคุยกันไปเดินกันไป จึงทำให้ลืมระยะทางที่ค่อนข้างจะไกลไปเสียหมด จนกระทั่งผ่านสถานที่คล้ายกับอาคารต้อนรับแขกของวัด เขามีการจำหน่ายของที่ระลึกและเขียนคำอวยพรอะไรประมาณนั้น พวกเราผ่านเข้าไปยังศาลาใหญ่ อ้อมไปทางด้านหลัง ซึ่งเป็นที่บูชาและที่เก็บอัฐิของท่าน Kobo Daishi เข้าไปกราบสักการะ อธิษฐานกันตามอัธยาศัย
ระหว่างนั้นหิมะก็ยังคงตกอยู่ตลอดเวลา พวกเราจึงปรึกษากันว่าไม่ควรจะไปที่อื่นอีกแล้ว เนื่องเพราะว่าถ้าหิมะตกหนัก รถอาจจะลงจากภูเขาไม่ได้ หรือว่าถ้ามีต้นไม้ล้มทับทางอีก ก็อาจจะเสียเวลากันระดับข้ามวันข้ามคืน จึงได้เดินย้อนกลับมาถึงสถานที่หนึ่ง ซึ่งขากลับเป็นด้านขวามือ มีอาคารลักษณะกุฏิเล็ก ๆ ให้คนสามารถสอดมือเข้าไปภายในได้ ซึ่งด้านในนั้นมีหินลื่น ๆ ลักษณะเหมือนหินน้ำตกอยู่ก้อนหนึ่ง โตประมาณฟักเขียวของบ้านเราได้ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญอธิบายว่า "ถ้าใครเป็นบุคคลที่จัดอยู่ว่าเป็นคนดี ไปยกก็สามารถที่จะยกขึ้นได้" แต่ว่าไม่มีใครกล้าเสี่ยง
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-03-2025 เมื่อ 02:19
|