เมื่อพวกเราเดินเข้าไปทางด้านใน ปรากฏว่าดอกเหมย ดอกท้อ กำลังเบ่งบาน สีแดง สีชมพู สีขาวสะพรั่งไปหมด แทนที่พวกเราจะเข้าไปชมปราสาทโอซากา ก็เลยกลายเป็นว่าถ่ายรูปอยู่ที่สวนดอกไม้กันเป็นนาน โดยที่หน่วยลาดตระเวนนำอย่างกระผม/อาตมภาพ ไปยืนรอคณะอยู่ จนกระทั่งต้องมีการโทรศัพท์เร่งรัดกัน
ครั้นเข้าไปถึงบริเวณจำหน่ายตั๋วเข้มชมปราสาทก็ถึงกับท้อใจ เพราะว่าผู้คนต่อคิวยาวกันเป็นกิโลเมตรเลยทีเดียว..! ยังดีที่ "เผือกน้อย" และเพื่อนเป็นผู้เชี่ยวชาญในการมาญี่ปุ่น จึงทำการซื้อตั๋วออนไลน์เดี๋ยวนั้นเลย ใช้เวลาไม่กี่นาที ก็ส่งให้เจ้าหน้าที่สแกน และนับจำนวนคนให้พวกเราผ่านเข้าไปได้
เมื่อเข้าไปตรงประตู เขาก็มีคำถามว่า "จะขึ้นบันไดหรือว่าขึ้นลิฟท์ ?" พวกเราก็เลยขึ้นบันไดโดยเดินชิดขวา ถ้าหากว่าจะขึ้นลิฟท์ก็เดินชิดซ้าย เข้าไปด้านในแล้วเดินชมปราสาทไปทีละชั้น ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นประวัติการก่อสร้าง การสู้รบ ตลอดจนกระทั่งการโดนไฟไหม้และบูรณปฏิสังขรณ์ใหม่ โดยที่มีโมเดลปราสาทสวย ๆ อยู่ แต่พอจะถ่ายรูป เจ้าหน้าที่ก็บอกว่า "No Photo, please" ทำเอากระผม/อาตมภาพค่อนข้างที่จะเซ็ง
เดินดูทีละชั้นขึ้นไปจนกระทั่งถึงชั้น ๘ แล้วก็ยังงง ๆ ว่าทำไมเขาไม่มีชั้น ๖ ก็คือเป็น ๑-๒-๓-๔-๕-๗-๘ ชั้น ๘ เป็นชั้นที่ให้นักท่องเที่ยวออกไปเดินวนถ่ายรูปทิวทัศน์รอบด้าน เมื่อพวกเราถ่ายรูปกันจนพอใจแล้วก็วนกลับลงมา กระผม/อาตมภาพบอกว่า "ขอกลับลงไปถ่ายรูปที่เขาห้ามสักหน่อย"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-03-2025 เมื่อ 01:55
|