วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๑๑ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปร่วมทำวัตรเช้ากับบรรดาว่าที่พระอุปัชฌาย์ทั้งหลาย ที่วัดสามพระยา วรวิหาร
การยอมเดินทางมาแต่เช้า นอกจากจะได้ทำความดี คือทำวัตรสวดมนต์แล้ว ยังทำให้รถไม่ติด แล้วในขณะเดียวกัน ภายในวัดซึ่งคับแคบมากก็ยังมีที่ให้จอดรถได้ ท่านที่มาทีหลัง บางครั้งต้องวนไปจอดถึงแถวบางลำพูก็มี..!
เมื่อทำวัตรแล้วกระผม/อาตมภาพได้ฉันเช้าร่วมกับบรรดาว่าที่พระอุปัชฌาย์ทั้งหลาย เพียงแต่ว่าวันนี้เมื่อฉันเสร็จแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ได้เข้าไปบอกลา โดยเฉพาะว่าที่พระอุปัชฌาย์ของคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ทั้ง ๓๐ รูป บอกว่าพรุ่งนี้ไม่ได้อยู่ชื่นชมกับความสำเร็จด้วย เนื่องเพราะว่ามีภารกิจสำคัญ
พอดีกับดร.พระครูโจ (พระครูกาญจนกิจโสภณ, ดร.) เจ้าคณะตำบลลาดหญ้า เจ้าอาวาสวัดกาญจนบุรีเก่า เข้าไปเพื่อที่จะกราบลาผู้ควบคุมการฝึกอบรมพระอุปัชฌาย์ในครั้งนี้ ก็คือท่านเจ้าคุณนิกร - พระเทพวชิวธีรคุณ (นิกร มโนกโร ป.ธ. ๙) รองเจ้าคณะภาค ๗ ซึ่งท่านทำหน้าที่แทนพระเดชพระคุณพระพรหมโมลี (สุชาติ ธมฺมรตโน ป.ธ. ๙) กรรมการมหาเถรสมาคม ประธานคณะกรรมการฝึกซ้อมอบรมพระอุปัชฌาย์ที่วัดสามพระยา ซึ่งท่านเจ้าคุณนิกรเองนั้นไข้หวัดรับประทานมาหลายวันแล้ว ดร.พระครูโจท่านก็โดนไข้หวัดกินเสียจนเบลอไปหมด ขออนุญาตท่านเจ้าคุณนิกรว่า ขอนอนพักสักครึ่งวัน ช่วงบ่ายจะได้มาสอบข้อเขียนรอบสุดท้าย
กระผม/อาตมภาพเห็นดังนั้น จึงส่งยาให้ดร.พระครูโจ บอกกับท่านว่าฉันลงไปเดี๋ยวนี้เลย แค่ ๑๕ นาทีก็รู้เรื่องแล้วว่าจะพักหรือไม่พัก แต่ถ้าจะฉันซ้ำ ก็ขอให้เว้นว่างไปอย่างน้อย ๖ ชั่วโมง เมื่อดร.พระครูโจรับยาไป กระผม/อาตมภาพก็รู้ตัวทันทีว่าติดเชื้อแล้ว..! เนื่องเพราะว่าตนเองเป็นผู้ไม่มีภูมิคุ้มกัน แล้วขณะเดียวกันร่างกายก็ไวต่อการติดเชื้อมาก ท่านเจ้าคุณอาจารย์นิกรซึ่งเป็นตัวแพร่เชื้อคนแรก ตอนนี้ทำให้ว่าที่พระอุปัชฌาย์ใส่หน้ากากกันเกือบครบทุกคน..!
กระผม/อาตมภาพเมื่อได้กราบพบและพูดคุยกับบรรดาเจ้าคณะภาค รองเจ้าคณะภาค ซึ่งทำหน้าที่ในวันนี้แล้ว ก็ขออนุญาตเดินทางกลับที่พักวัดอุทยาน ได้มีเวลาพักอยู่ประมาณชั่วโมงเศษก็ฉันเพล หลังจากนั้นได้เดินทางไปยังวัดประยุรวงศาวาส วรวิหาร เพื่อร่วมพิธีเปิดปฐมนิเทศนักเทศน์โครงการทุนเล่าเรียนหลวงรุ่นที่ ๕
เรื่องของกองทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทยนั้น ตอนเริ่มแรกที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้ทรงตั้งขึ้นมานั้นก็เพื่อสนับสนุนการศึกษาของทางคณะสงฆ์ โดยเฉพาะในส่วนของปริยัติสามัญ ก็คือการเรียนระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก ภายหลังก็แตกกอต่อยอดออกมา เป็นทั้งกองทุนสำหรับเรียนบาลี กองทุนสำหรับนักเทศน์ กองทุนสำหรับพระธรรมจาริก กองทุนสำหรับพระวิปัสสนาจารย์ เป็นต้น
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-03-2025 เมื่อ 00:58
|