กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่ปลอบท่านว่าให้ใจเย็น ๆ "ท่านก็ได้ชื่อว่าเป็นพระกรรมฐาน แล้วทำไมถึงได้สติหลุดมาจนขนาดนี้ ซึ่งเสียเชิงพระกรรมฐาน เสียเชิงพระเถระระดับเจ้าคณะตำบล และเสียไปถึงครูบาอาจารย์ด้วย" ท่านได้สติขึ้นมา ยังพูดสะบัด ๆ ประมาณว่า "ตอนนี้ผมกรรมถอนแล้ว..!"
แต่ว่าคนอื่นก็เห็นตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาว่า กระผม/อาตมภาพนั้น เมื่อถึงเวลาที่ฉุกเฉินขึ้นมาแล้ว สามารถที่จะเป็นที่พึ่งให้กับท่านทั้งหลายเหล่านั้นได้จริง สามารถที่จะหย่าศึกที่กำลังเดือดคลั่กลงไปได้ ก็เลยกลายเป็นความน่าเชื่อถือส่วนตัว พอถึงเวลามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นในคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ ท่านเจ้าคณะอำเภอในแต่ละยุค ก็มักจะส่งกระผม/อาตมภาพเข้าไปแก้ไขปัญหาได้
จนกระทั่งบางที หลายท่านที่สังเกตการณ์อยู่ก็ถึงกับหัวเราะ เนื่องเพราะว่าพอปัญหาทุกอย่างจบลง บรรดาเจ้าคณะปกครองก็แห่กันเข้ามา ในลักษณะแถลงข่าวต่อมวลชน กลายเป็นว่าคนทำงานแทบตายอย่างกระผม/อาตมภาพ แทบจะไม่มีบทบาทอะไรเลย บทบาทการหย่าศึก หรือว่าทำให้เรื่องที่สงบลงต่าง ๆ กลายเป็นเจ้าของพื้นที่บ้าง เจ้าคณะปกครองระดับสูงไปบ้าง
พวกเราก็มาคุยกันเฮฮาอยู่ข้างนอก เพราะว่ากระผม/อาตมภาพเองนั้นทำงานเพื่องาน ไม่ได้คิดจะทำงานเอาหน้า ใครที่จะเอาหน้ากับสื่อมวลชน หรือว่าอยากจะออกโซเชียลก็ปล่อยท่านไปเถอะ ในเมื่อทำตัวในลักษณะอย่างนี้ เจ้าคณะปกครองท่านหนึ่งถึงขนาดออกปากว่า "ผมดูหลวงพ่อเล็กผิดไป นึกว่าท่านเองเป็นเหมือนกับรูปอื่น ๆ บอกว่าไม่เอา แต่ความจริงก็คือให้ง้อเอาเชิงเสียหน่อยแล้วก็จะเอา แต่นี่นอกจากท่านจะไม่เอาอะไรเลยแล้ว ยังมีแต่ช่วยคณะสงฆ์ตลอดมา" กระผม/อาตมภาพฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้ม ๆ เท่านั้น เพราะไม่รู้ว่าเหมือนกันว่าจะรับสมอ้างไปทำไม ในเมื่อเราเองเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว
ดังนั้น..เรื่องทั้งหลายเหล่านี้จึงเป็นเรื่องที่อยากจะกล่าวต่อเนื่องจากเมื่อวานที่ว่า ทางด้านประเทศอินเดียเขามีแนวทางประพฤติปฏิบัติ ในการดำเนินชีวิตที่เรียกว่าอาศรม ๔ ประการ ก็คือไปบวชเอาช่วงท้ายของชีวิต นั่นเป็นลักษณะของบุคคลที่ตั้งใจเอาดีในทางพ้นโลกจริง ๆ ไม่เหมือนกับประเทศของเรา ที่บวชเข้าไปแล้ว ส่วนใหญ่ก็หวังที่จะหาเลี้ยงชีพตนเอง ถ้าพระอุปัชฌาย์อาจารย์ไม่เข้มงวดกวดขันจริง ๆ ก็จะมีแต่บรรดาพระแก่หัวดื้อ ไม่ยอมฟังใคร เพราะถือว่าอายุมาก ประสบการณ์มาก ทำให้พระลูกพระหลานที่เป็นเจ้าอาวาสก็ดี เจ้าคณะปกครองก็ตาม ต้องปวดหัวกันไม่เว้นแต่ละวัน..!
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๘ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-03-2025 เมื่อ 03:29
|