จนถึงวัยสุดท้าย ก็คืออายุย่าง ๗๕ ปี หรือว่าอาจจะก่อนหลังตามแต่ความเข้าใจโลกที่ได้มาในช่วงวานปรัสถ์ ก็จะเป็นนักบวช ก็คือเริ่มมีอาศรม เริ่มมีที่อยู่ เริ่มยึดการบวชในลักษณะบำเพ็ญสมาธิภาวนา แสวงหาโมกขธรรม พยายามหาความจริงให้ได้ว่า "โลกนี้มีสาระอะไรบ้าง ? ตนเองเป็นใคร ? พระพรหมเป็นใคร ?" จนท้ายที่สุด เมื่อเข้าถึงปรมาตมันแล้วก็นำไปสั่งสอนคนอื่นต่อ
ท่านเจ้าคุณอาจารย์พลย้ำว่า "เราจะเห็นได้ว่าวัยบวชของเขาก็คือคนแก่ ๗๐ กว่าปีทีเดียว ซึ่งเป็นวัยที่ถ้าตั้งใจบวชก็แปลว่ามั่นคงแล้ว เพียงแต่ว่าบ้านเราไม่ได้มีหลักการดำเนินชีวิตแบบนี้ ท่านลองไปเผยแพร่ดู เผื่อมีคนสนใจ เราจะได้เพิ่มจำนวนของพระภิกษุเข้ามา ต่อให้ไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงทำอะไร อย่างน้อย ๆ ก็ช่วยอยู่วัด ทำความสะอาดวัด เป็นกำลังใจให้กับลูกกับหลานที่มาทำบุญก็ยังดี
หรือถ้าหากว่าท่านใดเอาจริงเอาจังในการปฏิบัติ ด้วยความที่ผ่านโลกมามาก รัก โลภ โกรธ หลง เหลือน้อยแล้ว ก็สามารถที่จะเข้าถึงธรรมได้ง่ายกว่าเสียด้วยซ้ำไป" แล้วพวกเราก็นั่งหัวเราะกันว่า "พูดไปครั้งนี้ วัดท่าขนุนจะโดนอะไรบ้างนี่ ?" กระผม/อาตมภาพกล่าวว่า "ถ้าหากทำให้พระพุทธศาสนาของเราดีขึ้น ต่อให้ต้องปรับใช้หลักการของศาสนาใดก็คงไม่เป็นไรหรอกครับ"
เมื่อพวกเราได้ฉันกันเสร็จเรียบร้อย ให้พรแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ไปหาพรรคพวกที่มาด้วยกัน ก็คือ ผศ., ดร.เจ้าคุณกล้า - พระวชิรวาที, ผศ., ดร. (กล้า วีรรตโน) เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุ วรวิหาร รองเจ้าคณะอำเภอเมืองเพชรบุรี ท่านพระครูโสภณปัญญาวรวัฒน์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอเมืองราชบุรี เจ้าอาวาสวัดท้ายเมือง ซึ่งนัดแนะกันเอาไว้ว่า พวกเราจะเป็นตัวแทนของเพื่อนฝูงมาร่วมให้การสนับสนุนรุ่นน้อง ซึ่งได้รับความชื่นชมจากท่านเจ้าคุณอาจารย์พระพรหมโมลีอยู่เสมอว่า เป็นพระอุปัชฌาย์รุ่นที่เหนียวแน่นมาก นอกจากจัดตั้งองค์กรทำคุณประโยชน์ให้กับสาธารณะและพรรคพวกเพื่อนฝูงแล้ว ยังไม่ลืมที่จะมาสนับสนุนรุ่นน้องอีกด้วย
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-03-2025 เมื่อ 01:33
|