เรื่องของการจัดการอธิกรณ์ต่าง ๆ ตามพระธรรมวินัยจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก อย่างช่วงนี้มีการฝึกซ้อมอบรมเพื่อที่จะสอบเป็นพระอุปัชฌาย์ ถ้าตามหลักพระวินัยก็คือ ภิกษุผู้เป็นเถรภูมิ พรรษาพ้น ๑๐ รู้พระวินัยอย่างแจ่มแจ้ง อาจสอนสัทธิวิหาริกให้รู้และเข้าใจตามได้ ก็เป็นพระอุปัชฌาย์ได้ แต่คราวนี้การรู้พระวินัยอย่างแจ่มแจ้งและอาจสอนสัทธิวิหาริกให้รู้และเข้าใจตามได้นั้นไม่แน่แล้ว เนื่องเพราะว่ารู้แจ่มแจ้งแล้วสอนไม่ได้ก็มี อธิบายไม่ถูกก็มี แต่ท่านทำถูกอยู่คนเดียว ถ้าอย่างนี้ก็เป็นพระอุปัชฌาย์ไม่ได้ตามพระวินัย
คณะสงฆ์ของเรามีมติออกมา ถ้าอย่างของหนกลาง ๒๓ จังหวัด ท่านว่าผู้ที่จะเป็นพระอุปัชฌาย์ต้องมีพรรษาพ้น ๒๐ เราจะเห็นว่าต่างจากพระวินัย แต่ว่าพระผู้ใหญ่ท่านให้เหตุผลว่า ถ้าจะเป็นพ่อกับลูกกัน อายุห่างกันสัก ๒๐ ปีถึงจะพอสมควร ไม่เช่นนั้นแล้วถ้าหากว่าเอาแค่ ๑๐ พรรษา เกิดว่าท่านบวชตั้งแต่อายุ ๒๐ พออายุ ๒๙ ก็ได้ ๑๐ พรรษาแล้ว แล้วเกิดไปเจอหลวงตาอายุสัก ๕๐ - ๖๐ มาขอบวช แล้วเกิดว่าท่านเคยเป็นผู้บังคับบัญชาหน่วยงานต่าง ๆ มาก่อน ท่านคิดว่าตัวเองจะมีบารมีพอที่จะไปสั่งสอนเขาไหม ? ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ทางคณะสงฆ์หนกลางจึงได้กำหนดเอาไว้ว่า ๒๐ พรรษาขึ้นไป ถึงมีสิทธิ์ที่จะสอบเป็นพระอุปัชฌาย์ได้
แล้วหลัก ๆ ก็คือต้องเป็นเจ้าคณะตำบล เพื่อที่อย่างน้อยในตำบลนั้นมีพระอุปัชฌาย์รูปหนึ่ง ไว้ให้การอุปสมบทแก่กุลบุตรได้ ถ้าไปเจอตำบลใหญ่ ๆ ก็แย่เหมือนกัน กระผม/อาตมภาพเคยเจอตำบลหนึ่งมี ๑๖ หมู่บ้าน..! ขณะที่อีกตำบลหนึ่งมีแค่ ๓ หมู่บ้าน ถ้าลักษณะอย่างนั้นก็พูดไม่ออกบอกไม่ถูกเหมือนกัน เกิดทั้ง ๑๖ หมู่บ้านอยากจะบวชลูกขึ้นมาไล่ ๆ กัน พระอุปัชฌาย์มีหวังเหนื่อยตาย..!
เรื่องที่เกิดขึ้นนี้จึงเป็นอุทาหรณ์สำหรับพวกเราว่า ถ้าไม่สามารถจะควบคุม รัก โลภ โกรธ หลง เอาไว้ได้ พระเราก็แค่ลูกชาวบ้านที่เปลี่ยนเครื่องแต่งกาย เปลี่ยนกติกาการดำเนินชีวิตเข้ามาเท่านั้น ยัง รัก โลภ โกรธ หลง เต็มหัวเหมือนเดิม แล้วขณะเดียวกัน การจัดการอธิกรณ์ต่าง ๆ ในพระพุทธศาสนาของเรา ต้องคำนึงด้วยว่า วัดวาอารามก็ดี คณะสงฆ์ก็ดี พระพุทธศาสนาก็ตาม จะมีความบอบช้ำเสียหายขนาดไหน เราต้องพยายามลดความเสียหายให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๓ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-03-2025 เมื่อ 02:23
|