หลังจากนั้นแล้วก็ได้มาทักทายท่านเจ้าคุณองอาจ - พระราชวชิรภาวนาโกศล วิ. (องอาจ อาภากโร) วัดวีระโชติธรรมาราม เจ้าคณะอำเภอคลองหลวงแพ่ง และตุ๊พ่อสิงห์ (พระอธิการสิงห์ วิสุทฺโธ) เจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ แล้วหลังจากนั้นก็รับการกราบ รับการทักทายจากพระภิกษุสงฆ์สามเณร ตลอดจนกระทั่งญาติโยม โดยเฉพาะหลายท่าน ถลาเข้ามาถึงก็ควักเงินจะทำบุญเลย กระผม/อาตมภาพต้องแจ้งว่า "ให้ไปทำบุญกับหลวงพ่อชลอ เนื่องเพราะว่าต่อให้ทำบุญตรงนี้ กระผม/อาตมภาพก็ทิ้งเอาไว้ให้กับหลวงพ่อชลออยู่ดี" หลายต่อหลายท่านทำท่าเหมือนกับผิดหวัง
แต่ความจริงท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่า การยึดติดตัวบุคคลนั้นไม่ใช่เรื่องดี แต่ถ้าเรายึดติดในธรรม ทำบุญให้เป็นบุญ ก็คือยึดถือการที่ปฏิบัติในทาน ในศีล ในภาวนาแบบสายกลาง ทำตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอน โดยไม่ได้ยึดติดในสถานที่หรือว่าตัวบุคคล จะทำให้กำลังใจของท่านนั้นสามารถที่จะปล่อยวางได้เร็วกว่าหลายเท่า
เมื่อถึงเวลา ทางวัดก็ได้เริ่มพิธีเจริญพระพุทธมนต์ฉลองอายุวัฒนมงคล ๗๒ ปีแก่ "ป๋าลอ" แล้วก็ถวายปัจจัยไทยธรรม กรวดน้ำรับพร หลังจากนั้นกระผม/อาตมภาพก็ไปฉันเพล เสร็จแล้วพักผ่อนในห้องพักพระเถระ คุยกับท่านเจ้าคุณหลวงตาวัชรชัย ท่านเจ้าคุณองอาจและตุ๊พ่อสิงห์ โดยที่มีพระรุ่นน้องรุ่นลูก เข้า ๆ ออก ๆ มากราบ และจะทำบุญอีกแล้ว กระผม/อาตมภาพต้องบอกว่า "ให้ไปทำบุญกับหลวงพ่อชลอ"
จนกระทั่งเที่ยงครึ่ง กระผม/อาตมภาพค่อยนำตุ๊พ่อสิงห์ขึ้นสู่อาสนะ เตรียมพิธีสืบชะตาหลวง แล้วตนเองก็ไปนิมนต์ "ป๋าลอ" ให้เข้าที่ ขออนุญาตท่านในการพันสายสิญจน์สายใหญ่ซึ่งโยงมาจากซุ้มสืบชะตา พูดง่าย ๆ ว่าเป็น "สายล่อฟ้า" เพื่อรับพลังจากพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ลงมาสู่ตนเอง
เหตุที่ต้องทำเช่นนั้น ก็เพราะว่าอันดับแรกเลย กระผม/อาตมภาพเป็นน้องที่พี่ ๆ ทั้งหลาย ให้ความเชื่อถือเป็นอย่างยิ่งมาตั้งแต่สมัยอยู่วัดท่าซุงแล้ว โดยเฉพาะ "ป๋าลอ" เมื่อถึงเวลานิมนต์ท่านนั่ง ท่านก็บอกว่า "เมื่อความสามารถสู้น้องไม่ได้ ก็ต้องอาศัยบารมีน้องช่วยสงเคราะห์แบบนี้แหละ"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-03-2025 เมื่อ 02:49
|