เมื่อทำการฝึกซ้อมจนคล่องตัวแล้ว หลังจากนั้นไม่ว่าจะเป็นฌานที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ ท่านทั้งหลายก็สามารถที่จะสวดมนต์ภาวนา หรือว่าประกอบกิจการงานอื่น ๆ ไปพร้อมกันได้ เนื่องเพราะว่าความชำนาญในการเข้าออกสมาธิที่เรียกว่า วสี ก็คือสมาปัชชนวสี - ความชำนาญในการเข้าสู่สมาธิแต่ละระดับ และวุฏฐานวสี - ความชำนาญในการออกจากสมาธิแต่ละระดับ ตลอดจนกระทั่งความชำนาญในการพิจารณาระดับของสมาธิ คือสามารถที่จะเข้าออกสลับกันได้
ถ้าอย่างนั้น ท่านก็สามารถใช้สภาพจิตของท่านทรงอยู่ในระดับของฌาน ๔ แต่ว่าร่างกายใช้ไม่เกินปฐมฌานละเอียด บังคับให้ทำสิ่งต่าง ๆ หรือว่าสวดมนต์ภาวนาไปพร้อมกันได้ ถ้าลักษณะอย่างนี้ ท่านก็จะอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข
โดยทางภายนอกแล้วก็จะเป็นไปตามสังคมเขา แต่ว่าสภาพจิตภายในเหมือนอย่างกับน้ำลึกก้นบ่อ แม้ว่าน้ำปากบ่อจะกระเพื่อมบ้าง แต่ว่าน้ำก้นบ่อจะนิ่งสนิท เย็นอยู่เช่นนั้นเอง
ถ้าซักซ้อมไปมาก ๆ แล้ว ต้องการความถนัด ความชำนาญ ความดีงามมากกว่านี้ ก็อาศัยการสวดมนต์นี่แหละสร้างทิพจักขุญาณให้เกิด ก็คือถึงเวลาสวดสาธยายไป ก็นึกถึงอักขระตัวหนังสือที่เราสวดด้วย ให้ขึ้นมาอยู่ตรงหน้าทีละตัว ทีละคำ ทีละประโยค เมื่อนึกไปเรื่อย ๆ ความชัดเจนก็จะมีมากขึ้นเรื่อย จนกระทั่งท้ายที่สุด ก็เหมือนกับเห็นตัวหนังสือวิ่งผ่านตรงหน้าของตนไปทีละคำ ทีละประโยค ทีละบรรทัด ถ้าถึงระดับนี้แล้วซักซ้อมให้คล่องไว้ ท่านสามารถเห็นตัวหนังสือชัดเจนเท่าไร ท่านก็เปลี่ยนไปดูผี ดูเทวดา และเห็นได้ชัดเจนเท่านั้น
หรือถ้าเป็นการประกันความเสี่ยงความแน่นอนในคติของตนเอง ท่านจะยกจิตขึ้นไปกราบพระบนจุฬามณีเจดียสถานดาวดึงสเทวโลก แล้วสวดมนต์ถวายพระเขี้ยวแก้วอยู่ที่นั่นก็ได้ หรือว่าจะขึ้นไปยังทุสสเจดีย์ที่พรหมชั้นที่ ๑๖ คือ อกนิฏฐสุทธาวาสพรหม สามารถที่จะไปสวดมนต์ภาวนาอยู่เบื้องหน้าผ้า ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสละในวันออกมหาภิเนษกรมณ์ก็ได้
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-03-2025 เมื่อ 01:54
|