เนื่องเพราะว่าการนับลูกประคำนั้น อันดับแรกเลย เป็นการปฏิบัติในอิริยาบถและสัมปชัญญะในมหาสติปัฏฐานสูตร ก็คือไม่ว่าจะเคลื่อนไหวอย่างไรก็มีสติกำหนดรู้ไปด้วย
ลำดับต่อไปก็คือเราภาวนาพระคาถาไปกี่จบ ก็กำหนดนับลูกประคำไปด้วย จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้สติมากกว่าปกติ เพื่อจดจำในจำนวนพระคาถาที่เราภาวนาไปแล้ว
และถ้าหากว่าแยกจิต แยกกาย ทำหน้าที่ได้หลายอย่าง ก็กำหนดภาพพระไปด้วย หรือว่าขึ้นไปกราบพระบนพระนิพพานอย่างที่กระผม/อาตมภาพทำไปด้วยก็ได้
แต่เมื่อมาใช้เครื่องนับแบบสมัยใหม่ ทำให้ไม่จำเป็นที่จะต้องจดจำ ทำให้ขาดสติในการภาวนาไปมาก พูดง่าย ๆ ว่าคุณภาพในการภาวนาลดลงไปมากเหลือเกิน เท่านั้นยังไม่พอ หลายคนยังห่วงการไลฟ์สด ห่วงการถ่ายรูป ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายกระผม/อาตมภาพ หรือว่าเซลฟี่ตัวเองว่ากำลังภาวนาพระคาถาเงินล้าน ซึ่งกระผม/อาตมภาพแม้ว่าจะป่วยจนหูตาลาย แต่ว่าการกำหนดดูกำหนดรู้ผู้คนจำนวนแค่นี้นั้น เป็นเรื่องที่เล็กมาก ดังนั้น..เห็นแล้วก็ได้แต่เวทนาสงสารว่า ญาติโยมอีกกี่ปีกี่ชาติ ถึงจะสามารถภาวนาพระคาถาเงินล้านให้เกิดผลอย่างจริง ๆ จัง ๆ ได้หนอ ?
เนื่องเพราะว่าการใช้พระคาถาพระปัจเจกโพธิโปรดสัตว์ก็ดี พระคาถาเงินล้านก็ดี อันดับแรกเลย ต้องมีทานเป็นเครื่องรองรับ เนื่องเพราะว่าผลของพระคาถาเงินล้านนั้น มาจากทานเป็นส่วนใหญ่ หลังจากนั้นก็ต้องมีศีลบริสุทธิ์ในระหว่างที่ภาวนาอยู่ เพื่อที่จะเสริมในส่วนของสมาธิให้มั่นคงยิ่งขึ้น แล้วสมาธิยิ่งสูงเท่าไร ผลของคาถาก็มีมากเท่านั้น เนื่องเพราะว่าสภาพจิตของเราจะปล่อยวางความอยากรวยลงไปได้
การภาวนาพระคาถาเงินล้าน ส่วนใหญ่แล้วญาติโยมก็หวังที่จะร่ำรวย แต่คราวนี้การที่ไปตั้งกำลังใจแบบนั้น บรรดาผู้เรียนอภิธรรมเขาใช้คำว่า "จิตประกอบไปด้วยโลภเจตนา" ทำให้มาตัดผลที่จะพึงได้ไปเสียหมด..!
เนื่องเพราะว่าผลที่จะได้อย่างแท้จริงนั้น ต้องมีกำลังใจที่เป็นกลาง ๆ ถ้าใช้ภาษาอภิธรรมก็คือเป็น "อัพยากฤต" แต่คราวนี้เราไปภาวนาเพราะอยากรวย ซ้ำยังวางกำลังใจไม่ถูกอีกด้วย ก็คือไปมุ่งมั่นจะเอาความรวยเป็นใหญ่ ผลที่จะพึงเกิดจึงเกิดน้อยมาก หรือว่าไม่เกิดเลย..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-02-2025 เมื่อ 01:39
|