เมื่อถึงเวลากระผม/อาตมภาพขอตัวไปฉันเพล แล้วก็มาตรวจการณ์ในเว็บไซต์วัดท่าขนุน มี "นักเลงดี ตาถึง" ถามว่า เขี้ยวเสือสาลิกา หลวงปู่ปาน วัดบางเหี้ย ที่กระผม/อาตมภาพให้ไอ้ตัวเล็กนำไปลงเพื่อร่วมสร้างพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุนนั้น บางตัวดำปี๋เงาวับมาเลย ลักษณะโดนทอดน้ำมันมาหรือไม่ ?
กระผม/อาตมภาพก็ต้องบอกไปอย่างชนิดที่เรียกว่าให้ความรู้กันอย่างไม่ต้อง "กั๊ก" ก็คือถ้าเป็นเขี้ยวเสือทอดน้ำมันมาจะมีการแตกราน ซึ่งลักษณะเป็นเสี้ยน ๆ เหมือนกับเสี้ยนไม้ ท่านที่ไม่มีประสบการณ์จะไม่รู้ว่าแล้วทำไมเขี้ยวเสือที่กระผม/อาตมภาพนำมาให้ จากญาติโยมผู้มีจิตศรัทธานั้น บางตัวถึงได้ชุ่มโชก ฉ่ำแฉะ และค่อนข้างดำเหมือนกับทอดน้ำมันมาเลย ?
พวกนั้นส่วนใหญ่จะโดนยัดอยู่ในตลับสีผึ้งมาเป็นระยะเวลายาวนาน บางทีก็ ๕๐ ปี ๖๐ ปี บางตัวอาจจะถึง ๑๐๐ ปี เนื่องเพราะว่าตั้งแต่สมัยต้นรัชกาลที่ ๕ เป็นต้นมา ดังนั้น..ถ้าเจอลักษณะอย่างนั้นอย่าไปฟันธงว่าเป็นของทอดน้ำมันแกล้งเก่า เนื่องเพราะว่าท่านจะพลาดของดีไปอย่างน่าเสียดาย เพราะไม่รู้ว่าในสมัยก่อน คนเรานิยมใช้สีผึ้งกัน เมื่อถึงเวลามีของขลังก็มักจะยัดเอาไว้ในตลับสีผึ้ง
กระผม/อาตมภาพเจอญาติโยมท่านหนึ่ง ที่ได้สมบัติจากบรรพบุรุษมา ต้องค่อย ๆ ควักเสือขึ้นมาแล้วก็ทำความสะอาด ไม่ว่าจะเช็ด จะล้าง จะลงแปรงอย่างไร สีผึ้งก็ไม่ค่อยจะยอมหลุดจากตัวเสือ เมื่อมาถามกระผม/อาตมภาพ จึงบอกไปว่า "คุณฉลาดน้อยไปหน่อย ถึงเวลาตอนเที่ยงเอาไปตากแดด พอสีผึ้งละลาย ก็ใช้ไม้จิ้มฟันเขี่ยเสือออกมา เอาผ้าสะอาดเช็ดสองทีก็จบแล้ว" ทำเอาอีกฝ่ายหนึ่งแทบจะตบกบาลตัวเอง เพราะว่าขาดประสบการณ์เหล่านี้เป็นต้น เพียงแต่ว่าไอ้ตัวเล็กแจ้งมาว่า ญาติโยมทั้งหลายจองหมดเกลี้ยงไปแล้ว ท่านที่มาช้าก็โปรดรอของแพงในโอกาสหน้าไปก็แล้วกัน..!
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-02-2025 เมื่อ 02:00
|