พวกเรามาเข้าห้องน้ำแล้ว "บิ๊กก๊อด ช่องเม็ก" ก็นำกระผม/อาตมภาพพร้อมกับน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) และญาติโยมส่วนหนึ่งซึ่งเป็นทีมงานของทางเติมเต็มทราเวล วิ่งออกจากพื้นที่ตรงนี้ตรงไปยังบ้านนา เพื่อที่จะไปชมของใหม่ คือพิพิธภัณฑ์ศิลปะลาว ซึ่งตามข่าวที่ได้รับมาก็คือสร้างได้ใหญ่โตมโหฬารมาก
ระยะทางแค่ ๑๒ กิโลเมตรจากกำแพงนครเวียงจันทน์ออกไป เมื่อถึงบ้านนาแล้ว พวกเราก็ต้องเลี้ยวเข้าไปในพื้นที่ ซึ่งเขาเรียกบริเวณนี้ว่าหนองเซือม เพราะว่าเป็นหนองน้ำใหญ่ พิพิธภัณฑ์สร้างอยู่อีกฝั่งหนึ่งของหนองน้ำ
พวกเราต้องเดินข้ามสะพานทุ่นลอยประมาณ ๔๐๐ เมตรเข้าไป ทางด้านนอกมีร่มให้ยืมด้วย แต่ว่าขากลับต้องเอามาคืน พวกเราเข้าไปซื้อ "ปี้" เพื่อที่จะเช้าไปชมภายใน ปรากฏว่าคนลาวจ่าย ๑๐๐,๐๐๐ กีบ ชาวต่างซาดต้องจ่ายคนละ ๒๓๐,๐๐๐ กีบ ทั้ง ๆ ที่ป้ายเขียนว่า ๒๒๐,๐๐๐ กีบ ก็เลยไม่รู้ว่าส่วนเกิน ๑๐,๐๐๐ กีบนั้นไปไหน ? แต่ว่าพระอาจารย์จ่าย ๕๐,๐๐๐ กีบเท่านั้น..!
เมื่อเข้าไปแล้ว ได้เห็นสิ่งก่อสร้างใหญ่โตมโหฬาร เป็นอาคาร ๓ หลังเรียงกันอยู่ด้านหน้า ยังไม่ทราบเหมือนกันว่าด้านในยังลึกเข้าไปอีกเท่าไร พวกเราพอเดินเข้าไปก็เจอฉากแกะสลักเป็นรูปนางอัปสราแบบศิลปะเขมรเป็นร้อย ๆ อยู่ทั้งสองฝั่งห้องแรก
เมื่อเดินผ่านเข้าไปถึงโถงกลาง ก็มีเสาประดับลายอยู่จำนวนมาก ลักษณะเหมือนอย่างกับศูนย์กลางจักรวาล ถ้าตรงไปข้างหน้าจะลงไปสู่ใต้ดิน กระผม/อาตมภาพจึงเลี้ยวไปทางซ้ายก่อน ปรากฏว่าเลี้ยวมาถูก เพราะว่าทางด้านนี้พระพุทธรูปเก่า ๆ งาม ๆ อยู่เป็นร้อยองค์ทั้งใหญ่ทั้งเล็ก สรุปว่าสิ่งที่เราเห็น ไม่ว่าจะที่พิพิธภัณฑ์หอพระแก้วก็ดี ที่วัดศรีสะเกษก็ดี หรือว่าที่พระธาตุหลวงเวียงจันทน์ก็ตาม นั่นเป็นพระเก่าองค์ชำรุดเกือบทั้งสิ้น ที่สมบูรณ์แบบมาอยู่ในที่นี้เอง
เมื่อชมและถ่ายรูปกันจนทั่วแล้วก็ออกมา ลงไปยังห้องกลางด้านล่าง ที่ต้องลงไปตามบันไดเลื่อน เมื่อลงไปตรงหน้าก็จะมีไม้แกะเป็นศิลปะที่ดูออกว่าเป็นฝีมือชาวจีน ส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นปุ่มไม้ ซึ่งถ้าว่ากันตามความเป็นจริง ก็คือต้นไม้เป็นมะเร็ง..! เนื่องเพราะว่าปุ่มพวกนี้ เมื่อเกิดขึ้นใหญ่บ้างเล็กบ้าง คนเราพอผ่าออกมาเห็นลวดลายสวยงามก็มักจะเอามาทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ แต่ว่าปุ่มไม้ที่นี่ต้องบอกว่าใหญ่โตมโหฬารมาก
ไม่ทราบเหมือนกันว่าต้นไม้นั้นจะใหญ่กี่สิบโอบกันแน่ เขาเอามาแกะสลักเป็นศิลปะอย่างโน้นอย่างนี้ ฝีมือไม่ได้ดีเลิศ จนกระผม/อาตมภาพเสียดายวัสดุมาก เนื่องเพราะว่าฝีมือระดับอยู่ประมาณนักเรียนศิลปะปี ๒ ปี ๓ เท่านั้น เพียงแต่ว่าเจ้าของวัสดุซึ่งหายากขนาดนี้ ยอมสละของแพงมาให้เขาซ้อมมือแกะกัน ต้องบอกว่ากำลังใจสุด ๆ ไปเลย
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-02-2025 เมื่อ 18:56
|