เมื่อเข้าไปกราบพระ อธิษฐานจิตสมโภช ซึ่งถ้าเป็นบ้านเราก็คือพิธีเบิกเนตรพระพุทธรูปนั่นเอง ถ้าหากว่าเป็นทางประเทศพม่า ท่านก็จะสวดบทอะเนกะชาติสังสารังฯ ซึ่งเรียกว่าบทปฐมพุทธะวะจะนะ ก็คือเมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ก็ได้เปล่งอุทานออกมาว่า "ด้วยความที่ไม่รู้จักเจ้าตัณหานายช่างเรือน ซึ่งปรุงเรือนก็คือการเกิดให้อยู่ตลอดเวลา จึงต้องทนเวียนว่ายตายเกิดมานับชาติไม่ถ้วน บัดนี้เรารู้จักนายช่างเรือนเจ้าแล้ว เรือนของเจ้าเราได้รื้อทิ้งแล้ว เจ้าไม่มีอำนาจในการที่จะบังคับให้เราเวียนว่ายตายเกิดอีกแล้ว" ซึ่งถือว่าเป็นบทที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสำเร็จอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ทางด้านพม่าจึงได้เอาเป็นบทปลุกเสกพระพุทธรูป
กระผม/อาตมภาพเมื่อทราบเช่นนั้น ก็ใช้วิธีอาราธนาบารมีพระท่านสงเคราะห์ ภาวนา อิติปิ โสฯ ๓ ห้อง ๗ จบ ทำน้ำมนต์แล้วพรมให้ทั่วบริเวณ จากนั้นก็ออกไปนั่งรับศรัทธาญาติโยม ไม่ว่าจะเป็นเงิน ทองคำ หรือว่าเงินสด เพื่อที่จะร่วมหล่อพระในครั้งนี้ ซึ่งญาติโยมทั้งหลายทำบุญมา น่าจะเป็นเงินประมาณหลายล้านกีบของเงินลาว แต่ว่าที่กระผม/อาตมภาพรับมาในช่วงเช้าสองวันที่ญาติโยมทำบุญมาก็ประมาณ ๓๐,๐๐๐ บาทไทยแล้ว แค่นั้นก็น่าจะตกอยู่ที่ประมาณ ๑๘ ล้านกีบเห็นจะได้..!
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ กระผม/อาตมภาพจึงแจ้งกับญาติโยมว่า ขอถวายให้ครูบาแก้วเอาไว้ สำหรับจัดการงานที่วัดโพธิ์ศรีสว่างแห่งนี้ แล้วก็นำเอาเงินและทองในส่วนที่สามารถหลอมละลายได้ในเวลาอันรวดเร็ว แบ่งปันให้หลวงพ่อนิลกับท่านอาจารย์บ๊ะช่วยกันใส่ลงไปในกระบวยสำหรับหล่อพระคันยาว แล้วก็เจริญชัยมงคลคาถา ๓ จบ เจริญบทสัพเพพุทธาฯ ๓ จบ จนกระทั่งหล่อพระเสร็จเรียบร้อย
ครูบาแก้วได้พากระผม/อาตมภาพ ตลอดจนกระทั่งพระอาจารย์นิลเข้าไปพักอยู่ที่เรือนรับรองพระอาคันตุกะ ส่วนท่านอาจารย์บ๊ะและคณะ เมื่อช่วย "เฉลี่ยกรรม" แล้วก็ขอกลับประเทศไทยเลย นัดเจอกันวันมะรืนนี้
กระผม/อาตมภาพชี้ให้ดูเรือนรับรองอาคันตุกะที่กรุไม้สักทองอย่างดี และติดเครื่องปรับอากาศด้วย บอกกับครูบาแก้วท่านว่า "เราเป็นพระ อะไรที่พอสมควรแล้วก็อย่าให้มีมากไปกว่านี้ เนื่องเพราะว่าพระพุทธเจ้าสอนให้เราเป็นขอทาน การที่ขอทานจะแสดงฐานะร่ำรวย แล้วต้องไปขอชาวบ้านที่ลำบากยกจนเขากินอยู่ทุกวันนั้น ย่อมไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน" ครูบาแก้วท่านบอกว่า ห้องนี้เอาไว้ต้อนรับพระเถระที่มาวัดท่าช้างแห่งนี้เท่านั้น ส่วนอื่นท่านก็ทำตามนโยบายที่กระผม/อาตมภาพให้ไว้นั่นเอง
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-02-2025 เมื่อ 18:52
|