วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๘ อากาศยามเช้าที่โรงแรมเมืองแทง (Muong Thanh Luxury Vientiane) ซึ่งกระผม/อาตมภาพอ่านว่า "เมืองถ่าน" ตามภาษาอังกฤษที่เขียนอยู่ เนื่องเพราะว่าไม่ถนัดในการออกเสียงฝรั่งเศสแบบคนลาว แขวงศรีสัตตนาค อยู่ที่ ๒๐ องศาเซลเซียส
ภัตตาคารดอกจำปาเปิดให้เราเข้าได้ตั้งแต่ตี ๕ ครึ่งตามที่พวกเราขอเอาไว้ เพื่อที่จะได้เดินทางไปยังวัดท่าช้างได้เร็วขึ้น ทางพนักงานดูแลห้องอาหารก็ดีเหลือเกิน จัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้อุดมสมบูรณ์มาก ทำให้กินกันกระจาย..! โดยเฉพาะก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นทำกันสด ๆ ตรงนั้นเลย ซ้ำยังมีซุปเห็ดหอมใส่ไก่เส้นให้อีกด้วย ต้องบอกว่าดีเลิศประเสริฐศรีมาก
เมื่อกระผม/อาตมภาพฉันเสร็จเรียบร้อยแล้วก็กลับขึ้นห้องพัก เข้าห้องน้ำเสร็จก็คว้ากระเป๋าลงมาขึ้นรถ ความจริงเราจะกลับมาพักที่นี่อีก ๑ คืน แต่ด้วยความที่ว่ากระผม/อาตมภาพนั้น มีกระเป๋าถือขึ้นเครื่องใบเดียวซึ่งไม่ได้หนัก จึงได้หิ้วขึ้นรถไปด้วย เพื่อความไม่ประมาทในชีวิต เนื่องเพราะว่านางสาวชุติญาณมณีรัตนา สุวรรณชลากร ซึ่งชื่อยาวจนไม่เกรงใจนายทะเบียน ได้ถวายพระเครื่องของวัดท่าขนุนเลี่ยมทองมาหลายองค์ และใส่อยู่ในกระเป๋า ถ้าทิ้งเอาไว้อาจจะล่อตาล่อใจให้คนเกิดความโลภขึ้นมาได้..!
พวกเราพร้อมแล้ว ๗ โมงเช้าก็ออกเดินทางตรงไปยังบ้านท่าช้าง เมืองปากงึม แขวงกำแพงนครเวียงจันทน์ ซึ่งเป็นการวิ่งออกไปตามทางหลวงสายใต้ที่มุ่งไปยังเมืองปากเซของลาวใต้ พูดง่าย ๆ ว่าวิ่งตรง ๆ ไปอย่างเดียวไม่ต้องแยกไปไหน ก็จะลงไปถึงเมืองปากเซ แขวงนครจำปาสักเอง พวกเรายิ่งวิ่งก็ยิ่งห่างความเจริญไปทุกที โดยมีนางไก่พยายามปล่อยลูกเล่นสารพัดให้พวกเราได้ฮากันท้องคัดท้องแข็ง โดยเฉพาะภาษาลาวกับภาษาไทยที่ไม่ค่อยจะตรงกัน แถมบางคำของภาษาลาวยังตรงไปตรงมาจนคนไทยหัวเราะกันกลิ้งทุกครั้งที่ได้ยิน..!
พวกเราค่อย ๆ ออกห่างความเจริญไปเรื่อย ถนนก็เริ่มเป็น "ขุม" ก็คือเป็นหลุมเป็นบ่อเตาขนมครก แล้วท้ายที่สุดก็กลายเป็นทางลูกรัง วิ่งไปฝุ่นขึ้นโขมงยาวเป็นกิโลเมตรตามท้ายรถไปด้วย..! ประมาณเกือบ ๘ โมงครึ่งก็มาถึงวัดโพธิ์ศรีสว่าง ซึ่งกระผม/อาตมภาพเห็นตัวหนังสือที่เขียนไว้ที่ซุ้มประตู ถึงได้รู้ชื่อวัดที่แท้จริง เพราะเรียกว่าวัดท่าช้างมาตลอด เพราะว่าตั้งอยู่ที่บ้านท่าช้าง เมืองปากงึม ก็คือเป็นปากแม่น้ำงึมที่ไหลลงสู่แม่น้ำโขงนั่นเอง
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-02-2025 เมื่อ 18:48
|