จากประสบการณ์ที่กระผม/อาตมภาพ ทำงานเกี่ยวกับศูนย์ปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดกาญจนบุรีมาหลายปี แล้วตำแหน่งปัจจุบันก็คือประธานศูนย์ฯ ซึ่งไม่มีใครมารับช่วงสักที เห็นชัด ๆ เลยว่าต้นสายไม่มีปัญหา ครูบาอาจารย์ท่านไม่มีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นสายพุทโธแบบวัดป่า สายสัมมาอะระหังแบบหลวงพ่อวัดปากน้ำ สายนามรูปแบบวัดปราสาททอง สายเคลื่อนไหวแบบหลวงพ่อเทียน สายมโนมยิทธิแบบหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ตลอดจนกระทั่งสายอื่น ๆ ซึ่งอาจจะมี ต้นสายไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย
แต่ว่าบรรดาลูกศิษย์มักจะแบกกิเลสไปชนกัน ก็คือเอามานะแบกไปด้วยว่า "ของกูต้องดีที่สุด หลวงพ่อกูต้องเจ๋งที่สุด" ก็เลยกลายเป็นว่าถึงเวลาคุยเรื่องแบบนี้เมื่อไร แทนที่จะกลายเป็นธัมมัสสากัจฉา ก็กลายเป็นวิวาท (วิ-วา-ทะ) แบบภาษาไทย เพราะว่าวิวาทแบบภาษาบาลีก็คือความต่างในคำพูด พูดง่าย ๆ ก็คือมีการถกเถียงกันเพื่อหาข้อยุติ แต่วิวาทแบบไทยนั้นให้อ่านว่าวิวาท (วิ-วาด) ก็คือทะเลาะเบาะแว้งกันแทน..!
อย่าลืมว่าหลักธรรมของหลวงพ่อนั้น ของสายนี้ ความจริงแล้วไม่มี มีแต่หลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น แต่เมื่อพระองค์ตรัสสอนไปถึง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ เพื่อให้เหมาะแก่จริตของผู้รับฟัง แล้วบรรดาครูบาอาจารย์รุ่นเก่า ๆ ท่านถนัดแบบไหนก็ทำแบบนั้น แล้วเมื่อท่านทำได้ผลก็เอามาเผยแผ่ให้กับลูกศิษย์ของตน ถ้าสายนั้นมีลูกศิษย์มาก ก็จะกลายเป็นสายกรรมฐานขึ้นมา
กระผม/อาตมภาพเคยเปรียบเทียบว่า เหมือนกับพ่อครัวทำอาหาร คนนั้นถนัดผัด คนนี้ถนัดต้ม คนโน้นถนัดแกง คนนั้นถนัดปิ้งย่าง เราชอบแบบไหนก็กินแบบนั้น แต่ไม่ใช่ไปติว่าของคนอื่นไม่ได้เรื่อง ต้องแบบของเราเท่านั้น ดังนั้น..เรื่องพวกนี้ถ้าหากว่าบุคคลที่ไปคุยกัน หรือธัมมัสสากัจฉากัน ถ้ามีบุคคลที่ปฏิบัติธรรมจนได้หลักจริง ๆ คอยอยู่เป็นผู้ควบคุมการสนทนาธรรม เรื่องก็จะไม่เลยเถิด แต่ถ้าหากว่าไม่มี ต่างคนต่างเอากิเลสไปชนกันเมื่อไรก็กระจายเมื่อนั้น..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-02-2025 เมื่อ 03:11
|