วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๙ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๘ ช่วงเช้ากระผม/อาตมภาพไปรับโล่เกียรติคุณเพชรพุทธบริหารการศึกษา ของคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จากพระเดชพระคุณพระพรหมวัชรธีราจารย์, ศ., ดร. (สมจินต์ สมฺมาปญฺโญ, ป.ธ. ๙) องค์อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ความจริงก็มีพระเถระหลายรูปที่ให้ตัวแทนไปรับ แต่กระผม/อาตมภาพถือว่าทางด้านเจ้าภาพเขาให้เกียรติเรา ด้วยการมอบโล่เกียรติคุณให้ เราก็ควรที่จะให้เกียรติเจ้าภาพของด้วย อยู่ในลักษณะของปูชโก ลภเต ปูชํ วนฺทโก ปฎิวนฺทนํ ผู้บูชาย่อมได้รับการบูชาตอบ ผู้ไหว้ย่อมได้รับการไหว้ตอบ
อีกประการหนึ่งก็จะได้ไปพบปะครูบาอาจารย์รุ่นเก่า ๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เกษียณอายุราชการ กลายเป็นระดับปูชนียบุคคลไปแล้ว ก็คือถ้าหากว่าจบปริญญาเอกแล้ว อย่าหวังว่าเกษียณอายุราชการแล้วไปอยู่อย่างสงบได้ เนื่องเพราะว่าสิ่งที่ท่านจบมาไม่มีใครจบซ้ำหัวข้อนั้นได้ ก็แปลว่าในด้านนั้นท่านจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญ ถ้าผู้อื่นจะทำซ้ำหัวข้อนั้นก็ต้องขยายพื้นที่ หรือย้ายไปพื้นที่อื่น ก็แปลว่าโอกาสที่จะตกงานไม่มี อย่างไรเสียเรื่องหัวข้อเกี่ยวกับวิทยานิพนธ์ ซึ่งปัจจุบันส่วนใหญ่เปลี่ยนเป็นสารนิพนธ์ เขาก็ต้องอาศัยเจ้าของหัวข้อนั้นไปบรรยายอยู่ดี..!
ครูบาอาจารย์หลายท่านก็ยังกระฉับกระเฉงดูแข็งแรง แต่บางท่านก็คุกเข่าถวายของไม่ได้แล้ว ต้องขออนุญาตยืนถวายของ กระผม/อาตมภาพก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะเรียนมาผ่านไป ๒๐ ปีแล้ว เพราะจำได้ว่าเรียนประกาศนียบัตรบริหารกิจการคณะสงฆ์รุ่นแรกที่วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) ปี ๒๕๔๘ แล้วก็เรียนปริญญาตรี ปริญญาโท รุ่น ๑ ของวัดไร่ขิง แต่มาตอนหลังเขาไม่นับรุ่นให้ เขาไปนับรุ่น ๑ เมื่อเปิดวิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาฯ วัดไร่ขิง พวกที่เรียนกับส่วนวิทยบริการอย่างกระผม/อาตมภาพ ก็เลยกลายเป็นรุ่นพิเศษ หรือไม่ก็ตกรุ่นไปเลย..!
ท่านทั้งหลายจะเห็นว่าเวลาผ่านไปเร็วมาก แต่ด้วยความที่กระผม/อาตมภาพมีงานมากอยู่ทุกวัน ก็เลยไม่รู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็ว เพราะว่าเวลาไม่พอให้ทำงาน..! เมื่อรับโล่เกียรติคุณแล้ว กลับมาก็ต้องมาเข้าประชุม เตรียมการจัดงานบรรยายประสิทธิผลการปฏิบัติธรรมแบบธรรมนาวาวัง ซึ่งพระเดชพระคุณพระพรหมวัชรธีราจารย์, ศ., ดร. องค์อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยเอง ก็ยังต้องเข้าประชุมผ่านระบบออนไลน์เหมือนกัน
ยังไม่ทันจะเสร็จดี ก็ต้องมานั่งบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนให้พวกท่านทั้งหลายได้ฟัง เสร็จจากนี่ก็ยังต้องไปเข้ารายการเสียงธรรมจากมหาจุฬาอาศรมต่อ จนกระทั่งเรื่องพระของเราที่เกิดอุบัติเหตุ เจ็บไข้ได้ป่วยแข้งขาหัก ยังกลายเป็นเรื่องที่สำคัญรองลงไป..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-02-2025 เมื่อ 03:06
|